ตอนที่ ๕๕ โลกมนุษย์กำลังเข้าสู่ความสลาย
ชีวิตสัตวโลกเป็นอนิจจัง แล้วก็เป็นสิ่งที่แต่ละคนที่เกิดมาเป็นสัตว์ประเสริฐนี้ ถ้าจะนับเป็นกุศลก็เป็นกุศล นับเป็นอกุศลก็เป็นอกุศล เพราะอะไรเล่า เพราะว่ากุศล หมายถึง เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ที่เขาเรียกว่าสัตว์ประเสริฐนี้ มีหนทางฝึกในด้านบำเพ็ญฌาน เพื่ออยู่ในโลกแห่งความหลุดพ้นไปสู่โลกุตรฌานหรือว่าสำเร็จเป็นเทพพรหมเบื้องสูง
ที่เรียกว่าเป็นอกุศล คือ มนุษย์บางจำพวกที่เกิดมาแล้วไม่ใช้สมองให้เป็นประโยชน์ แล้วก็เหลิงในภาวะกรรมที่ตนครอบครอง หลงในเกียรติที่สมมติ หลงในยศถาบรรดาศักดิ์ที่โกหกกัน เมื่อมนุษย์ที่แบกสิ่งโกหกอยู่ในตัว นึกว่านั่นคือสิ่งเจริญและสิ่งสำคัญ มนุษย์ผู้นั้นก็ตกอยู่ในกองทุกข์
เพราะอะไรเล่า เมื่อท่านได้เกียรติจากคนโกหกให้ท่านเป็นผู้มีเกียรติ ท่านต้องทำทุกวิถีทางที่จะต้องโกหกตัวเอง รักษาคำว่ามีเกียรติไว้ นี่คือทุกข์ นี่คืออกุศล และเกียรติเป็นสิ่งพอกพูนให้ร่างกายท่านเกิดความหนักอกหนักใจกับสิ่งที่ไม่เป็นเรื่อง เมื่อท่านตกอยู่ในภาวะผู้มีเกียรติ ท่านก็มีทุกข์มากในการวางตัว ในการอยู่ในสังคม ในการเข้าหมู่คณะ
ทีนี้มนุษย์บางจำพวกลืมตัว เรียกว่า ถูกอำนาจครอบตัว ก็นึกว่าตัวไม่ตาย ก็เกิดอัตตาทิฐิในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม สร้างในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ก็เกิดกรรมวิบากขนาดหนักขึ้นอยู่กับมนุษย์ผู้นั้น เมื่อวาระถึงคราวดวงตกก็ดีอะไรก็ดี ก็ตกอยู่ในอกุศลวิบาก ก็เกิดความทุกข์มากที่สุด
ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนไว้ว่า ทุกอย่างในโลกนี้เป็นของอนิจจัง อนัตตา ถ้าท่านจะมีความสุขที่สุด ท่านต้องพยายามเป็นผู้ที่ไม่มีเกียรติ ไม่ยึดเกียรติ และไม่หลงเกียรติ เพราะสิ่งที่เป็นความสุขอันแท้จริงนั้นคือ นามธรรม
แต่มนุษย์ไม่พยายามคิดในด้านนามธรรม มนุษย์ติดหลงอยู่ในด้านวัตถุ จึงเกิดความประมาท เมื่อภาวะเกิดความประมาทนี่ สิ่งที่ท่านคิดว่าจะเป็นไปไม่ได้ ก็จะเป็นไปได้ และมนุษย์บางจำพวกก็เกิดตัวอัตตาทิฐิ เกิดตัวอารมณ์ถืออารมณ์ของตัวเป็นใหญ่ ไม่มีขันติ
ขันตินำความสุขมาให้ท่านได้ ขันติคือความอดทน ความอดทนต่อคำพูดของมนุษย์ทั้งดีหรือชั่ว ก็จะนำความสงบให้ท่านได้ แต่ถ้าท่านไม่มีขันติ ท่านหลงในอัตตา ท่านยึดในตัวตน ท่านก็เกิดความทุกข์
ทุกข์อะไรเล่า คนที่ด่าท่าน เขาด่าด้วยตัวโทสะครอบเขา เขาจึงด่าท่าน แต่ท่านถูกตัวโมหะครอบตัวท่าน คือเกิดการแสดงปฏิกิริยาขึ้น เขาเรียกว่าหลงตัว ภาวะนี้ก็จะสามารถทำให้สิ่งที่เรียกว่าจุดเล็กไปสู่จุดใหญ่กับฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายอะไรทั้งหลาย
ขณะนี้ภาวะของโลกมนุษย์อยู่ในภาวะที่สังคมมนุษย์ทุกเหล่าล้วนแต่ถูกตัวโทสะครอบ ทุกเหล่าล้วนแต่ถูกตัวโมหะครอบ ความยุติธรรมในสังคมมนุษย์ย่อมไม่มี แต่ความยุติธรรมสัจจะมีอีกโลกหนึ่ง คือ โลกวิญญาณ
โลกวิญญาณไม่มีคำว่าญาติ โลกวิญญาณไม่มีคำว่ามิตร โลกวิญญาณเขามีศูนย์รวมกรรม กรรมของใครสร้างกรรมดีก็จะได้เสวยในกรรมดีนั้นๆ ใครสร้างในกรรมชั่วก็จะได้เสวยกรรมชั่วนั้นๆ
ฉะนั้นในฐานะที่ท่านทั้งหลายเป็นมนุษย์ที่เรียกว่า กุศลให้เกิดก็ได้ ที่เรียกว่าอกุศลให้เกิดก็ได้ ก็จงพยายามระลึกถึงพุทธพจน์ ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท แล้วก็ตั้งตนอยู่ในความที่เรียกว่า “ตนนั้นเป็นที่พึ่งแห่งตน” เป็นจุดสำคัญที่ช่วยให้ท่านหลุดพ้นจากสังสารวัฏได้
ฉะนั้นในขณะนี้ทุกอย่างในโลกมนุษย์กำลังเข้าสู่ความสลาย กำลังเข้าสู่ความหายนะ ท่านที่มีโอกาสมาที่นี่ ก็ขอให้จงตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ในอนาคตท่านอาจจะไม่มาที่นี่ ก็ขอให้ท่านจงตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท และขอให้ทุกคนจงพยายามทำสติปัญญาให้ดี ให้เข้มแข็ง ต้อนรับกับสิ่งทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นในโลกมนุษย์ทั้งที่นี่และทั้งส่วนตัวของท่าน
ถ้าทุกท่านเข้าซึ้งถึงกฎอนัตตา ก็คือว่าทุกอย่างเขาต้องสลาย เมื่อมีขึ้นก็ต้องมีสลาย สมเด็จหลวงปู่ทวดก็ดี ก็คืออาตมา สมเด็จหลวงพ่อโตก็ดี ก็คือนักปราชญ์แห่งสยาม ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระก็ดี ผู้ที่เป็นพระพรหมอันเมตตา ก็มิอาจจะอยู่กับท่านคู่ฟ้าได้ และสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความผิดของมนุษย์ เป็นความผิดของอาตมาเอง
เจริญพร
(เทศน์เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๕)
อาณาจักรของอาตมา พร้อมที่จะโกยสัตวโลกให้พ้นจากไฟอเวจี แต่ไม่มีสื่อนำ เทวดาพร้อมที่จะช่วยมนุษย์ แต่ไม่มีมนุษย์ให้สถิต เพราะฉะนั้นจะช่วยมนุษย์ได้มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับมนุษย์ต่อมนุษย์
มนุษย์ผู้ใดเห็นแก่งานส่วนตัว
มนุษย์ผู้นั้นจะไม่มีงานทำในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใดเห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว
มนุษย์ผู้นั้นจะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใดเห็นแก่นอนมาก
มนุษย์ผู้นั้นจะไม่ได้นอนในไม่ช้า
.....จบเนื้อหาหนังสือ “ธรรมะจากดวงวิญญาณบริสุทธิ์ หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด)” แล้ว สวัสดีค่ะ |