ตอนที่ ๖๙ ประวัติพระทัพพมัลลบุตรเถระ
ท่านพระทัพพมัลลบุตร เป็นพระราชโอรสของพระราชเทวี ผู้เป็นอัครมเหสีของพระเจ้ามัลลราช มีนามเดิมชื่อว่า ทัพพราชกุมาร อาศัยที่ท่านเป็นราชบุตรของพระเจ้ามัลละ คำว่า “มัลลบุตร” จึงได้เป็นชื่อผสมกับนามเดิมว่า “ทัพพมัลลบุตร” ฯ
ทัพพมัลลบุตรราชกุมารนั้น นับแต่วันประสูติมามีพระชนม์ได้ ๗ ปี ได้เข้าไปหาพระมารดาทูลอ้อนวอนขออนุญาตจากพระมารดา เพื่อจะบรรพชาในพระพุทธศาสนา เมื่อได้รับอนุญาตจากพระมารดาแล้ว จึงได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ในสำนักของพระบรมศาสดา
เมื่อได้สดับพระโอวาทของพระองค์แล้ว เป็นผู้ไม่ประมาท อุตส่าห์เจริญสมณธรรมบำเพ็ญเพียรในวิปัสสนากรรมฐาน ไม่ช้าไม่นานนัก ก็ได้บรรลุพระอรหัตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔ และอภิญญา ๖ ฯ
ตามตำนานปรากฏว่า ท่านได้บรรลุพระอรหัตผล เมื่อเวลาที่มีดโกนจดลงที่พระเศียร ฯ (เมื่อมีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ตามวินัยนิยมแล้ว ก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา)
ท่านเป็นผู้เอาใจใส่ในกิจสงฆ์เป็นอย่างดี ในครั้งหนึ่งได้มีความดำริว่า เราอยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ควรรับภารธุระสงฆ์ จึงได้กราบทูลความดำรินั้นแด่พระบรมศาสดา เมื่อทรงทราบแล้ว ทรงสาธุการว่า ดีละๆ ทัพพมัลลบุตร แล้วตรัสให้สงฆ์สมมติท่านเป็นภัตตุทเทสกะและเสนาสนคาหาปกะ
ท่านได้ตั้งใจทำหน้าที่ของท่านให้สำเร็จเรียบร้อยดี และเพราะท่านเป็นผู้ฉลาดในการนี้ด้วย จึงได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายฝ่ายข้างแต่งตั้งปูลาดเสนาสนะ ฯ
ครั้นกาลต่อมา ท่านพิจารณาอายุสังขารของท่านว่า สมควรจะปรินิพพานแล้ว จึงได้ไปกราบทูลพระบรมศาสดา ก่อนจะนิพพานได้ทำประทักษิณเวียนรอบพระองค์รอบหนึ่ง แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ เหาะทะยานขึ้นสู่อากาศ นั่งขัดบัลลังก์บนพื้นอากาศอันหาระหว่างมิได้ แล้วเข้าเตโชสมาบัติ ครั้นออกจากสมาบัตินั้นแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพาน ณ เบื้องบนอากาศนั้นเอง
ท่านพระทัพพมัลลบุตรนิพพานเสียแต่เมื่อยังไม่ชรา มีอาจารย์บางท่านแก้ว่า เพราะท่านถูกพวกภิกษุชาวเมตติยภูมิหาเลศโจทย์ด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล ครั้นเมื่ออธิกรณ์นั้นได้วินิจฉัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ยังพากันแช่งด่าท่านอีก ภิกษุผู้เป็นปุถุชนไม่รู้ก็พากันเชื่อถือรังเกียจท่าน แสดงอาการดูหมิ่น ไม่มีความนับถือในท่าน
ท่านเกิดความละอายใจในเรื่องนี้ จึงถวายบังคมลาพระบรมศาสดานิพพานเสีย ฯ บางอาจารย์ก็คัดค้านว่า ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ควรจะเชื่อได้ เพราะว่าธรรมดาพระขีณาสพทั้งหลายย่อมไม่มีความหวั่นไหวในโลกธรรม ละความยินดียินร้าย คือ การเข้าไปว่าร้ายแห่งชนเหล่าอื่นเสียแล้ว การที่ท่านนิพพานเสียแต่ยังหนุ่ม ก็เพราะว่าท่านมีอายุขัยเพียงเท่านี้เอง ฯ
|