ตอนที่ ๙ ธรรมะสำหรับวัยรุ่น อนาคตของชาติ
คุณประพันธ์ อุธะนุต : ผมอยากจะถามว่า วัยรุ่นจะต้องปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้ถึงซึ่งพระพุทธพจน์ที่ว่า “ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม”
สมเด็จ : คือธรรมชาติได้แบ่งมนุษย์เป็น ๓ วัย ตอนที่หนึ่ง คือ ตอนวัยศึกษา ตอนเด็กนั้นอย่าไปว่า เพราะว่าตอนวิญญาณปฏิสนธินั่นต้องว่าเพลงยาวกันแล้ว เอาแค่สามตอนในการเกิดเป็นคน
ตอนที่หนึ่ง คือตอนวัยศึกษา ระหว่างแห่งวัยศึกษานี้แหละ เราจะต้องพยายามควบคุมตัวเองว่า เรานี้อยู่ในสถานที่ในการเรียนนี้ เรียนเพื่ออะไร เรียนเพื่ออนาคตแห่งตอนที่สอง เพื่อในการครองคู่ นี่ว่าตามหลักของโลกียะ
ภาวการณ์นี้แหล่ เราจะทำยังไง เราควรพยายามศึกษาในขอบในเขต ในประเพณี เมื่อเราเป็นนักศึกษาแล้วไซร้ เราควรวินิจฉัยใช้สมองในการอ่านตำราว่าสิ่งใดควรเป็นสรณะ เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำเนินงาน ตำราใดควรจะอ่านแล้ววาง ตำราสิ่งใดเป็นการปลุกกามารมณ์ให้เราไปทางชั่ว เราก็อย่าไปยุ่งกับมัน
สิ่งสำคัญ เราจะต้องควบคุมสติของเราว่า อย่าเชื่อ อย่าคล้อยตามโลก อย่าเชื่อตามคน อย่าเอนตามลม
ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะพร้อมว่า คนเป็นบัณฑิตเราเข้าใกล้ คนพาลเราห่างไกลแล้วไซร้ เราก็จะเป็นเด็กที่ดีขึ้นมา ในอนาคตกาลชาติของสยามก็จะมีแต่คนดี
ทีนี้ เราจะต้องตั้งมั่นว่า การศึกษานี้เพื่อเป็นหลักในการดำรงชีพ เพื่อสัมมาอาชีวะในการครองเรือน นั่นคือในวัยการครองเรือน สภาวการณ์แห่งวัยครองเรือนนี้แหล่ เพื่อในการที่จะว่าตามสัตวโลก เพื่อต้องการให้มีผู้สืบสกุลต่อ แล้ววัยสุดท้าย ก็คือวัยนักพรต นั่นคือหาความสงบทางจิต
หลักของการเป็นวัยรุ่นในยุคปัจจุบันนี้ ถ้าเข้าซึ้งในหลักแห่งการว่า เราได้เรียนนี้ พ่อแม่ทุกคนอาบเหงื่อต่างน้ำ เพื่อส่งเสริมให้เราเห็นอนาคตของเรา ให้ในการครองเรือนของเราดี แล้วเราจะได้เป็นที่ชื่นใจของบิดามารดา ญาติโยมโหตุ ไม่ใช่ส่งให้เราไปเป็นคนผลาญ เพราะฉะนั้น ถ้าเด็กทุกคนมีคติเตือนตนแค่นี้ ก็ย่อมที่จะไม่หลงไปตามแสงสีแห่งศิวิไลซ์ แห่งความโง่เขลาที่เป็นสิ่งจอมปลอม โกหกว่านั่นคือความสุข
เพราะว่ามนุษย์ที่สร้างมนุษย์เหล่านี้ขึ้นมานี้ เป็นมนุษย์เหล่าปีศาจหรือเหล่าอสูรกายที่บำเพ็ญเป็นกัปๆ กัลป์ๆ ได้ขึ้นมาจากนรกโลก เพื่อมาเสวยกรรมแห่งการเป็นมนุษย์ในยุคนี้ ทีนี้ เขาเหล่านี้ไม่เข้าซึ้งถึงสัจจะแห่งความจริงของความสุขอันแท้จริง ก็ได้วางหลักในวิถีการสร้างสิ่งที่เรียกว่า กลัวตาย พยายามสร้างสิ่งจอมปลอมขึ้นมาว่า นี่แหละคือความสุข เพื่ออำพรางความจริงของสัจจะ
เพราะฉะนั้น ในโลกมนุษย์ทุกวันนี้ ถ้าเหล่าผู้นำในวงการศึกษาคล้อยตามภาวะแห่งความศิวิไลซ์ ไม่พยายามเอาหลักแห่งศีลแห่งธรรมะเข้าครอบงำในสถาบัน ในสำนัก ในหลักของผู้ที่ศึกษา เยาวชนของชาติก็ย่อมไม่มีศีลธรรมประจำใจ เมื่อมนุษย์ไม่มีศีลธรรมประจำใจ อารมณ์สัตว์ก็เข้าครอบงำ เมื่ออารมณ์สัตว์เข้าครอบงำ ความฉิบหาย ความหายนะ ก็เข้าสู่คนๆ นั้น
|