แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 28588|ตอบ: 154
go

ธรรมโอวาทสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

T.jpg



ธรรมโอวาทสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี



ข้าพเจ้าได้คัดลอกหนังสือธรรมะ เทศน์โดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี จากหนังสือ "โต พรหมรังษี" รวบรวมโดย เกหลง พานิช ซึ่งเป็นหนังสือที่ผู้รวบรวมได้รวบรวมมาจากพระธรรมเทศนา ซึ่งดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ทรงเสด็จมาเทศน์โปรดสัตว์ในอดีตไว้ที่สำนักปู่สวรรค์


โดยผ่านร่างของมนุษย์ผู้เคยมีกรรมพัวพันและชาตินี้ครองชีวิตอย่างสะอาดดั่งผู้ทรงศีลที่ดี (อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ต่อมาเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๔ ท่านได้บวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาแล้ว ฉายาว่า "อริยวังโสภิกขุ" และบำเพ็ญอยู่อย่างสงบในป่า ปัจจุบันท่านมรณภาพแล้ว เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๘) มีเนื้อหาหนังสือทั้งหมด ๘ เล่ม รวม ๑๔๔ ตอน


คุณเกหลง พานิช ผู้รวบรวมเห็นว่า คำสอนเหล่านี้ไม่ควรเก็บไว้รับรู้เฉพาะกลุ่มสานุศิษย์เท่านั้น เห็นว่าเป็นธรรมะที่ทันสมัยอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับโลกาภิวัตน์เช่นนี้ จึงได้รวบรวมให้โครงการธรรมไมตรีดำเนินการจัดพิมพ์ขึ้นมาเผยแพร่ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเผยแพร่ธรรมะสู่ประชาชนทั่วประเทศให้มีโอกาสศึกษาธรรม เพื่อยกระดับจิตของตนให้สูงขึ้น ให้มีเมตตาต่อมนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนาม อันจะนำมาซึ่งความมั่นคงของชาติ


ท่านเชื่อหรือไม่ เป็นสิทธิเสรีภาพของท่าน ผู้รวบรวมใคร่ขอร้องท่านผู้อ่าน จงอ่านอย่างใจเป็นกลางก่อนที่จะลงความเห็น เชื่อหรือไม่เชื่อ พระพุทธเจ้าทรงสอนหลักกาลามสูตรไว้ให้พิจารณา เราควรใช้หลักนั้นให้เป็นประโยชน์


ขอให้ทุกท่านที่มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้ จงประสบแต่ความดี ปราศจากความทุกข์ มีความสุขความเจริญ ขอให้ดวงตาเห็นธรรมด้วยเถิด



กาลามสูตร

ว่าด้วยข้อควรสงสัย ๑๐ ประการ คือ


๑.  ควรสงสัยในความรู้ซึ่งมีมาแต่โบราณ
๒.  ควรสงสัยในความรู้ที่ได้จากผู้อื่น
๓.  ควรสงสัยในความรู้ที่เล่าลือบอกกล่าวต่อๆ กันมา
๔.  ควรสงสัยในข่าวที่แม้จะได้มาจากผู้ที่เคยเชื่อถือมาก่อน
๕.  ควรสงสัยในความรู้จากครูบาอาจารย์ของเราเอง
๖.  ควรสงสัยในความรู้จากตำรา
๗.  ควรสงสัยในความรู้แม้ของตัวเอง ที่ได้มาจากการเดาหรือคาดคะเน
๘.  ควรสงสัยในความรู้แม้ของตนเอง ที่ได้มาจากการเก็งความจริง
๙.  ควรสงสัยในความรู้แม้ของตนเอง ที่ได้มาจากการคิดพิจารณาจากพยานหลักฐาน
๑๐. ควรสงสัยในความรู้แม้ที่ตัวแน่แก่ใจเอง

เมื่อท่านปฏิบัติตามนี้ได้แล้ว ท่านจะพบสัจธรรมอันแท้จริงได้


o5.png



ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับข้อมูลจาก :         
          • เกหลง พานิช. โต พรหมรังษี: ชุด ธรรมะชนะมาร. กรุงเทพฯ: บริษัท สามวิจิตรเพรส จำกัด, ตุลาคม ๒๕๓๙.
          • เกหลง พานิช. โต พรหมรังษี: ชุด โลกหน้ามีจริง ตายแล้วไม่สูญ. กรุงเทพฯ: บริษัท สามวิจิตรเพรส จำกัด, ๑ มกราคม ๒๕๔๐.
          • เกหลง พานิช. โต พรหมรังษี: ชุด สำนักโลกวิญญาณ. กรุงเทพฯ: บริษัท สามวิจิตรเพรส จำกัด, ๑๙ มกราคม ๒๕๔๐.
          • เกหลง พานิช. โต พรหมรังษี: ชุด สงสารสัตวโลก. กรุงเทพฯ: บริษัท สามวิจิตรเพรส จำกัด, กรกฎาคม ๒๕๔๐.
          • เกหลง พานิช. โต พรหมรังษี: ชุด จอมปราชญ์แห่งกรุงสยาม. กรุงเทพฯ: บริษัท สามวิจิตรเพรส จำกัด, ๑ มีนาคม ๒๕๔๒.
          • เกหลง พานิช. โต พรหมรังษี: ชุด ความพิสดารของโลกวิญญาณ. กรุงเทพฯ: บริษัท สามวิจิตรเพรส จำกัด, ๑ มีนาคม ๒๕๔๒.

          • เกหลง พานิช. โต พรหมรังษี: ชุด พลังเหนือมนุษย์. กรุงเทพฯ: บริษัท สามวิจิตรเพรส จำกัด, ๑ มีนาคม ๒๕๔๒.
          • เกหลง พานิช. โต พรหมรังษี: ชุด กฎแห่งกรรม จำแนกบาปบุญ การดุลกรรม. กรุงเทพฯ: บริษัท สามวิจิตรเพรส จำกัด, ๑ มกราคม ๒๕๕๐.


(แก้ไขข้อมูลล่าสุด : 31 พฤษภาคม 2566)

Rank: 8Rank: 8

สารบัญ


สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี

เล่มที่ ๑  ธรรมะชนะมาร
๑.   ความจริงของการเกิดศาสนา
๒.   ธรรมะสยบมาร
๓.   การเป็นชาวพุทธที่แท้จริง
๔.   การจะสำเร็จในทางธรรมเกี่ยวกับกรรมเก่าหรือไม่
๕.   พระอรหันต์ในยุคปัจจุบันมีหรือไม่
๖.   เจ้าคุณนรรัตน์
๗.   การทำงานของพระโพธิสัตว์
๘.   พระสงฆ์ควรจะวางตัวอย่างไร
๙.   ธรรมะสำหรับวัยรุ่น อนาคตของชาติ
๑๐.  วิธีเรียนหนังสือให้เก่ง
๑๑.  อธิษฐานบารมีช่วยให้เกิดปัญญา
๑๒.  เตือนเหล่านักเทศน์ธรรมะ
๑๓.  การบวชตามรอยองค์สมณโคดม
๑๔.  บวชเพื่ออะไร
๑๕.  ดูเหมือนว่าเวรกรรมไม่สนองคนชั่ว
๑๖.  คนเกิดมาไม่ครบอาการ ๓๒
๑๗.  มุสาในทางที่ชอบ
๑๘.  พระพุทธเจ้าสูงสุดแล้ว ทำไมต้องชุมนุมเทวดา
๑๙.  ชาตินี้สร้างแต่บุญจะมีโอกาสพลาดไหม
๒๐.  ธรรมชาติเดินไปสู่การสลายของพุทธะ
๒๑.  เมตตาสูตรสยบมาร
๒๒.  สามเมาทิ้งได้ นิพพานมีหวัง
๒๓.  ทำความดีมนุษย์ไม่รู้ เทพพรหมรับรู้
๒๔.  สุนัขมีความซื่อสัตย์
๒๕.  วางระเบียบให้ชีวิต



เล่มที่ ๒  โลกหน้ามีจริง ตายแล้วไม่สูญ
๑.   โลกวิญญาณตั้งอยู่ที่ไหน
๒.   วิญญาณอิสระ
๓.   อริยทรัพย์
      ………….  รูปก็ดับ นามก็ดับ แล้วเอาอะไรไปเสวยกรรม
      ………….  บัญชีทิพย์
      ………….  วิญญาณไปเกิดได้อย่างไร
      ………….  วิญญาณปฏิสนธิในครรภ์มารดา
      ..…….….  สภาพเด็กเกิดใหม่
๔.   ทำไมจึงเกิดเป็นหญิง

๕.   วิญญาณเข้าสิงร่างมนุษย์                  
      ………….  สภาวะที่วิญญาณเข้าสิง
      ………….  วิญญาณใช้พลังบังคับกายเนื้อ
      ………….  การถอยของวิญญาณ
      ………….  สาเหตุที่วิญญาณเข้าสิงร่างมนุษย์
      ………….  พลังจิตออกทางตา
      ………….  วิชาไสยศาสตร์กับนักพลังจิต
      ………….  วิญญาณกับศูนย์รวมกรรม

๖.   ยมทูตเอาผิดตัว
๗.   กฎของโลกวิญญาณ

๘.   ผีบ้าน ผีเรือน ผีหลอก
๙.   ถ่ายภาพมีวิญญาณปรากฏ
๑๐.  ค้นกายในกาย จิตในจิต ธรรมในธรรม



เล่มที่ ๓  สำนักโลกวิญญาณ
๑.   สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ทรงกล่าวถึง พระประวัติสมเด็จพระสังฆราชคูรูปาจารย์
๒.   ทิ้งสังขารสู่พรหมโลก
๓.   ปราชญ์เหนือปราชญ์

๔.   อาณาจักรพระโพธิสัตว์
๕.   เทพพรหมลงมาทำงานจริงหรือ
๖.   สมเด็จโตมีหน้าที่ให้เขาด่าและวิจารณ์
๗.   โลกวิญญาณมาทำงาน
๘.   แดนพรหมโลก

๙.   เทพพรหมผ่านร่างมนุษย์
๑๐.  นิ่งเสียโพธิสัตว์
๑๑.  หลักธรรมะชีวิตประจำวัน
๑๒.  สวดพระคาถาชินปัญชรเพิ่มปุ๋ยใจ



เล่มที่ ๔  สงสารสัตวโลก
๑.   สงสารสัตวโลก
๒.   การเป็นพุทธมามกะ
๓.   เป้าหมายแห่งชีวิต
๔.   หนทางดับทุกข์
๕.   ความสุขอันแท้จริง
๖.   ทำไมสังคมเมืองไทยจึงร้อนนัก
๗.   ความปลอดภัยของสตรีไทย
๘.   แผนการกู้เยาวชนและเศรษฐกิจของชาติ
๙.   เหตุที่เทพพรหมมาทำงาน
๑๐.  การเป็นสื่อมวลชนที่ดี
๑๑.  พระอรหันต์ในสยาม
๑๒.  พระศรีอริยเมตไตรย
๑๓.  กลียุค

๑๔.  ลองของมาก เทวดาอาจลงโทษ
๑๕.  จิตนิ่งเหนือจิต
๑๖.  เทพพรหมทำผิดกฎ
๑๗. ใบโพธิสัตว์



เล่มที่ ๕  จอมปราชญ์แห่งกรุงสยาม
๑.   ปราชญ์แห่งสยาม
๒.   พระบรมสารีริกธาตุจะประชุมพร้อมกันเมื่อปี พ.ศ.๕๐๐๐
๓.   หลักการอยู่ให้อายุยืน
๔.   วิธีอ่านตำราให้จำแม่น
๕.   สร้างพระนอนที่จังหวัดเพชรบุรี
๖.   ชาวคริสต์ใส่บาตรสมเด็จโต
๗.   พระเครื่องของสมเด็จโต
๘.   การปลุกเสกพระเครื่อง
๙.   ห้อยพระเครื่องทำไม
๑๐.  พระสงฆ์ที่บริสุทธิ์ดูยาก
๑๑.  พระจับเงินได้หรือไม่
๑๒.  ทำอะไรจึงจะเป็นประโยชน์ที่สุด
๑๓.  การทำงานร่วมกันกับคนหมู่มาก
๑๔.  อย่ายึดชีวิตให้จริงจังมากเกินไป
๑๕.  หลักแห่งการถึงธรรม
๑๖.  สมาธิดีผีไม่กล้าเข้า

๑๗.  สื่อมวลชนที่ดี
๑๘.  ความขัดแย้งของผู้นับถือศาสนา



เล่มที่ ๖  ความพิสดารของโลกวิญญาณ
๑.   มนุษย์ตายแล้ววิญญาณไปไหน
๒.   สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งลี้ลับ
๓.   ความลี้ลับของวิญญาณ
๔.   ความพิสดารของโลกสวรรค์
๕.   พระพรหมทำไมมีหลายหน้า
๖.   วิญญาณไม่ยอมเกิด
๗.   สภาวะจิตก่อนที่พระพุทธองค์จะตรัสรู้
๘.   ผู้ที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้า
๙.   ยุคนี้ไม่มีอรหันต์
๑๐.  จะพ้นวัฏฏะได้อย่างไร
๑๑.  นิพพานง่ายๆ มีไหม
๑๒.  อยากไปเที่ยวเมืองนรก
๑๓.  ทำไมจึงเกิดการตายหมู่
๑๔.  ยุคนี้พระศรีอาริย์ลงมาเกิดหรือยัง
๑๕.  ธรรมชาติของจิต
๑๖.  วิธีปลดปล่อยทุกข์

๑๗.  สมเด็จโตห่วงลูกหลาน
๑๘.  สังคมแห่งกิเลสตัณหา ๙๙
๑๙.  พระคาถาชินปัญชร



เล่มที่ ๗  พลังเหนือมนุษย์
๑.   ประวัติพระพุทธสิหิงค์
๒.   การสร้างพระพุทธรูปปางต่างๆ
๓.   อาชีพการขายพระ เช่าพระ บาปหรือไม่
๔.   หลักการปลูกบ้านที่ดี
๕.   สิ่งเป็นมงคลแห่งชีวิต
๖.   เกิดดีก็ต้องตายดี
๗.   หลักสูตรของธรรมะไม่มีอะไรมาก
๘.   อยู่อย่างไม่ให้ผ้าเหลืองร้อน
๙.   พลังเหนือมนุษย์
๑๐.  การปฏิบัติให้จิตเหนือขันธ์
๑๑.  คุณความดีของสมาธิ
๑๒.  การฝึกเตโชกสิณ
๑๓.  การตายระหว่างเป็นจะพ้นทุกข์
๑๔.  ทำอย่างไรให้สังขารเสื่อมช้า
๑๕.  พญานาค ๔ ตระกูล
๑๖.  เหตุใดครุฑกับนาคจึงไม่ถูกกัน
๑๗.  จานบิน
๑๘.  งานของโลกวิญญาณ
๑๙.  พระโพธิสัตว์แห่งยุค



เล่มที่ ๘  กฎแห่งกรรม จำแนกบาปบุญ การดุลกรรม
๑.   บุพกรรมนำเกิด
๒.   ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายแห่งความดี
๓.   การเป็นคู่ครองที่ดีจนแก่เฒ่า
๔.   มงคลของชีวิต ๑๐ ประการ
๕.   กระแสแห่งบุญ
๖.   กรรมกับการดุลกรรม
๗.   แผ่เมตตาให้ศัตรูอโหสิกรรม
๘.   การกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร
๙.   การต่ออายุขัย
๑๐.  กฎแห่งกรรม
๑๑.  การเป็นพระที่ดี
๑๒.  ผู้กล่าวอ้างพระพุทธเจ้ามีบาป
๑๓.  พระไตรปิฎกคือแนวทาง การปฏิบัติคือทางหลุดพ้น
๑๔.  การปฏิบัติตนสู่พุทธะ
๑๕.  วิธีการช่วยบิดามารดาให้พ้นจากนรกอเวจี
๑๖.  วิธีทำบุญโดยไม่ให้พระได้บาป
๑๗.  จำแนกบาป บุญ
๑๘.  ไปรบเวียดนามมีบาปไหม
๑๙.  กรรมที่ทำให้เสียสติ
๒๐.  การแบ่งเพศชายหญิงในโลกวิญญาณ
๒๑.  สรรพสิ่งในโลกนี้เขาสร้างมาเป็นคู่
๒๒.  สัตว์กินสัตว์ควรทำอย่างไร
๒๓.  ตายแล้วไม่สูญ
๒๔.  กรรมบันดาล


IMG_5095.1.png


ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :


เล่มที่ 1


ตอนที่ 1 - 7

http://www.dannipparn.com/thread-326-1-1.html


ตอนที่ 8 - 17

http://www.dannipparn.com/thread-326-2-1.html


ตอนที่ 18 - 25

http://www.dannipparn.com/thread-326-3-1.html

pngegg.5.3.1.png


เล่มที่ 2


ตอนที่ 1

http://www.dannipparn.com/thread-326-3-1.html


ตอนที่ 2 - 10

http://www.dannipparn.com/thread-326-4-1.html

pngegg.5.3.2.png


เล่มที่ 3


ตอนที่ 1 - 10

http://www.dannipparn.com/thread-326-5-1.html


ตอนที่ 11 - 12

http://www.dannipparn.com/thread-326-6-1.html

pngegg.5.3.3.png


เล่มที่ 4


ตอนที่ 1 - 7

http://www.dannipparn.com/thread-326-6-1.html


ตอนที่ 8 - 17

http://www.dannipparn.com/thread-326-7-1.html

p4.png


เล่มที่ 5


ตอนที่ 1 - 9

http://www.dannipparn.com/thread-326-8-1.html


ตอนที่ 10 - 18

http://www.dannipparn.com/thread-326-9-1.html

p5.png


เล่มที่ 6


ตอนที่ 1 - 10

http://www.dannipparn.com/thread-326-10-1.html


ตอนที่ 11 - 19

http://www.dannipparn.com/thread-326-11-1.html

p6.png


เล่มที่ 7


ตอนที่ 1 - 10

http://www.dannipparn.com/thread-326-12-1.html


ตอนที่ 11 - 19

http://www.dannipparn.com/thread-326-13-1.html

p7.png


เล่มที่ 8


ตอนที่ 1 - 10

http://www.dannipparn.com/thread-326-14-1.html


ตอนที่ 11 - 20

http://www.dannipparn.com/thread-326-15-1.html


ตอนที่ 21 - 24

http://www.dannipparn.com/thread-326-16-1.html


Rank: 8Rank: 8

70.1.jpg



สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี

pngegg.5.3.1.png



พระคาถาบูชา  


นะโม โพธิสัตว์โต พรหมรังษี


ชาตะ   


ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๕ ปีวอก
ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๓๓๑
เวลาเช้า ๖ นาฬิกา ๓๕ นาที


มรณภาพ   


แรม ๒ ค่ำ เดือน ๘ ปีวอก
ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๑๕
เวลาเที่ยงคืน ๒๔.๐๐ นาฬิกา


สิริรวมชนมายุ  


๘๔ ปี กับ ๖๗ วัน



9.png



สิ่งลี้ลับ สิ่งเหนือความจริง

ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตาเนื้อ

และยังมีอีกมากมายที่มนุษย์รู้ไม่ได้

เพราะไม่ถึง

ก็พลอยสำคัญผิดว่าคนอื่นก็ไม่ถึงด้วย


*********


สิ่งใดเราไม่เห็น  เราอย่าเพิ่งเชื่อ
แต่เราต้องเข้าไปค้น
แล้วพิจารณาด้วยเหตุผล  แล้วค่อยเชื่อ
นั่นแหละ  คือสาวกของตถาคต


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

1.1.png



ตอนที่ ๑

ความจริงของการเกิดศาสนา



(วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๒)



สานุศิษย์ : หลวงพ่อสมเด็จครับ วันนี้ผู้จัดการหนังสือดำรงศาสนามาที่นี่ครับ หลวงพ่อมีธรรมะอะไรที่จะโปรดครับ บางทีเขาจะได้นำธรรมะนี้ไปลงหนังสือดำรงศาสนาครับ

สมเด็จ : คือในหลักแห่งความจริงของการเกิดศาสนาในโลกนี้ เพราะว่าจิตใจมนุษย์ไม่ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรม ล้วนแต่เดินไปสู่จุดมุ่งแห่งความหายนะ เพราะความเสื่อมของจิตใจมนุษย์ จึงได้เกิดศาสดาจารย์ต่างๆ ขึ้น เพื่อยกระดับจิตมนุษย์ให้สูงขึ้น ให้เข้าซึ้งถึงสภาพการณ์ของการเกิดเป็นคน

คือในหลักแห่งความจริงของพุทธศาสนาเรานั้น เรายึดมั่นในหลักของกฎแห่งกรรม กฎของอนิจจัง อนัตตา กฎของกรรมวิบากของแต่ละบุคคล สภาวะแห่งการเสวยกรรมวิบากของคนแต่ละคนก็ดี ของอสูรแต่ละคนก็ดี ของพรหมแต่ละองค์ก็ดี ย่อมอยู่ในภาวะแห่งผลของการสืบต่อของกรรมที่ประกอบขึ้นในอดีตกรรม ในปัจจุบันกรรม ต่อเป็นอนาคตกรรม เมื่อภาวะที่ยังอยู่ในวัฏฏะ ยังข้องอยู่ในทางโลก ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิด ตามภาวะของภพและชาติ

ทีนี้ ในภาวะแห่งการอยู่ของการเป็นคนนั้น ถ้าสภาพดำรงตนอยู่ในสัมมาอาชีพชอบ เมื่อผู้นั้นสิ้นจากโลกมนุษย์ย่อมจะไปเสวยกรรมวิบากในทางสุคติ หรืออาจถึงวิมุตติสุข คือท่านอย่าลืมว่าภาวะแห่งการเป็นคน ขันธ์ซึ่งประกอบขึ้นด้วยดิน น้ำ ลม ไฟ จะทิ้งอยู่ในโลกนี้ จิตวิญญาณย่อมไปสู่ปรภพ เพื่อเสวยกรรมวิบากแห่งการก่อของตน หากวิญญาณนั้นอยู่ในโลกมนุษย์ตั้งอยู่ในความชั่ว มนุษย์ผู้นั้นย่อมไปเสวยกรรมของตนในกรรมชั่ว

ในภาวะแห่งการรู้การจุติและการเกิดของสัตวโลกนั้น องค์สมณโคดมก็ได้วางหลักแห่งการปฏิบัติไว้ดีแล้ว แต่ทุกวันนี้ศาสนาพุทธของกรุงสยามนั้น อยู่ในภาวะที่น่ากลัวก็คือ ผู้ครองศาสนานั้นไม่ปฏิบัติตนให้อยู่ร่องรอยของพุทธพจน์ และในสภาพการณ์ไม่เข้าซึ้งถึงการเป็นคนก็ดี ไม่เข้าซึ้งถึงการเป็นนักบวชก็ดี ไม่เข้าซึ้งถึงการอยู่รอดของโลกมนุษย์ก็ดี เมื่อผู้ดำเนินการเผยแพร่สัจจะขององค์สมณโคดมยังติดข้องอยู่ในกิเลสของโลกแล้วไซร้ สัจจะแห่งความจริงย่อมถูกปิดด้วยเหล่ามนุษย์ทั้งหลายที่มีตัวโลภครอบงำ

เพราะฉะนั้นในการดำเนินงาน การเผยแพร่สัจจะก็ดี หรือเผยแผ่ธรรมะก็ดี เราควรจะมีแนวและอุดมการณ์ของเราเป็นหลักในการวินิจฉัยเหตุและผล เพราะว่าคำสอนขององค์สมณโคดม หรือว่าธรรมะนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ตาย ความจริงเป็นสิ่งที่เราต้องปฏิบัติเข้าไป และเราเรียกผู้อื่นมาดูและมาศึกษาได้ นั่นคือ หลักแห่งความจริงของธรรมะ

ทุกวันนี้ วิถีการเผยแผ่ศาสนาของนักบวช ของผู้นำศาสนานั้นไม่ตั้งอยู่ในสัจจะแห่งความจริงทั้งต่อหน้าและลับหลัง ภาวะนั้นแหล่จึงทำให้ความหายนะเกิดขึ้นในโลกมนุษย์ทุกหย่อมหญ้าอยู่ในทุกวันนี้

ฉะนั้น อาตมาจึงอยากจะให้ว่า ท่านทั้งหลายเป็นชาวพุทธ ท่านควรจะศึกษา ฝึกในหลักแห่งความจริงของสัจจะ เข้าซึ้งถึงกระแสแห่งวิมุตติ รู้แน่แห่งเอกัคตาจิต แล้วจะเผยแผ่หลักธรรมเข้าสู่หลักแห่งความจริงได้มากกว่านี้

บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๒

ธรรมะสยบมาร


(วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๔)



สมเด็จ : เจริญพร วันนี้อาตมาจะเทศน์เรื่องเกี่ยวกับหลักแห่งการเข้าซึ้งถึงการเป็นมนุษย์ หลักแห่งการที่จะรู้ว่ากฎแห่งกรรมในพระพุทธศาสนานั้นคืออะไร

ในสภาวการณ์ทั้งหลาย มนุษย์เราติดตัวตน มนุษย์เรายึดอวิชชา มนุษย์เรามักคาดคะเน มนุษย์เราสร้างอุปทาน มนุษย์เหล่านั้นย่อมที่จะไม่เข้าซึ้งถึงจุดแห่งความหลุดพ้นแห่งสังสารวัฏ แห่งกฎแห่งกรรม

ทีนี้ ในพลังทั้งหลาย ปรัชญาแห่งพุทธศาสนานั้น ให้มนุษย์ทั้งหลายว่า หนึ่ง ท่านจงอย่าติดคำนินทา ท่านจงอย่ายินดีต่อคำสรรเสริญ ท่านควรจะวางตนอยู่ในมัชฌิมาปฏิปทาแห่งการใช้จิตนั้นอยู่กลาง ในการวินิจฉัยเหตุผลทั่วไปของสรรพสิ่งแห่งธรรมชาติของอาตมัน

สสาร พลังงานทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะมีปัจจัยเป็นสิ่งส่งเสริมให้เป็นผล ผลนั้นเกิดขึ้นเพราะมีกรรมแห่งการติดในอดีตสู่ปัจจุบัน จึงนำตนสู่ความหายนะหรือความสำเร็จในอนาคต

ทั้งนี้และทั้งนั้น ท่านทั้งหลาย ท่านต้องวางใจเป็นกลางในการที่จะทำงานเกี่ยวกับพุทธศาสนา ท่านต้องเข้าใจว่า ชีวิตที่ลำบากที่สุดคือชีวิตการเป็นนักพรต นักพรตจะต้องอยู่อย่างอดทน นักพรตจะต้องอยู่อย่างสงบ เพื่อในการรู้กาละแห่งการ นินทา สรรเสริญ กล่าวร้ายของมนุษย์ทั้งหลาย

ท่านทั้งหลาย ถ้าท่านศึกษาในพระไตรปิฎกอย่างชัดเจนแล้ว ท่านจะเข้าใจว่า องค์สมณโคดมสอนท่านว่าอย่างไร

๑. ท่านจงอย่าเชื่อคำเทศน์ของตถาคต โดยท่านยังไม่ได้ปฏิบัติตามในสิ่งนั้นให้ถึงหลักแห่งสัจจะ


๒. ท่านจงอย่าสร้างอุปทานในสรรพสิ่ง


๓. ท่านจงอย่าเพิ่งคาดคะเนว่าสิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งนั้น สิ่งนี้ต้องเป็นสิ่งนี้ โดยไม่ได้เข้าไปค้น เข้าไปศึกษา เข้าไปทำ


๔. ท่านจงอย่าเชื่อคำบอกกล่าวของบุคคลที่ท่านเชื่อ ก่อนที่ท่านจะลงความเห็นด้วยความตริตรอง วินิจฉัย


๕. ท่านจะต้องปฏิบัติให้เข้าสู่จุดแห่งความจริง แห่งธรรมชาติอันแท้จริง เมื่อนั้นท่านจึงจะรู้จักตถาคต

สิ่งเหล่านี้ มนุษย์ทั้งหลายลืมหลักแห่งความจริงที่องค์สมณโคดมสั่งสอนมา บางคนยึดตนเหนือมนุษย์ บางคนถือทิฐิแห่งมโนยิทธิของตนเป็นที่ตั้ง บางคนถูกตัวโลภครอบจนลืม

เพราะฉะนั้น อาตมาจึงได้เขียนคติไว้ว่า “สามเมาทิ้งได้ นิพพานมีหวัง” คือท่านอย่าเมาโลภ ท่านอย่าเมาโกรธ ท่านอย่าเมาหลง ท่านจงศึกษาคนด้วยการกระทำของเขา ท่านต้องติดตามคนให้ตลอดก่อนที่จะลงความคิดเห็นวินิจฉัยในสิ่งใดๆ โดยการคาดคะเน อย่ามีอุปาทานยึดตนเป็นสรณะ

สรรพสัตว์เกิดขึ้นในโลก เพราะมีกรรมของตนไม่เหมือนกัน เมื่อท่านหวังนิพพาน ท่านต้องทิ้งในการยึดสรรพสิ่ง วางสรรพสิ่ง เมื่อนั้นจะเข้าซึ้งถึงธรรมะแห่งสัจจะอันแท้จริง

ท่านจะเดินทางสู่สวรรค์ ท่านจะต้องมีมหาเมตตาเป็นที่ตั้ง ท่านจะต้องมีสัจจะเป็นสรณะ ท่านจะต้องชำระจิตของท่านให้บริสุทธิ์ นั่นคือทางสวรรค์เปิดรับท่าน

ท่านจะไปนิพพาน ท่านจะต้องอย่ากลัว อย่าหลง อย่าห่วง อย่ายึด เมื่อท่านทิ้งสิ่งเหล่านี้ได้ เมื่อนั้นแหล่ ท่านจะถึงประตูนิพพาน

เมื่อท่านยังไม่ถึงสิ่งเหล่านี้ ขอให้ท่านทั้งหลายจงมีศีลเป็นสรณะ ด้วยการอย่าเบียดเบียน กล่าวร้ายป้ายสีเพื่อนมนุษย์ของท่านที่กำลังทำความดี

เพราะฉะนั้น อาตมาจึงขอเตือนเหล่ามนุษย์ว่า ถ้าท่านถือว่าท่านเป็นพุทธมามกะที่แท้จริง ท่านถือว่าท่านเป็นปัญญาชนที่แท้จริงแล้วไซร้ ท่านจะต้องใช้สมองวินิจฉัยในเหตุผลปัจจัยทั้งหลายที่เกิดขึ้นว่า มันจะต้องมีมูลกำเนิดแห่งที่ก่อจากจุดใด แล้วมันจะเสวยผลในจุดใด


อันนี้ท่านทั้งหลายต้องใช้ความวินิจฉัยอย่างรอบคอบ เมื่อนั้นท่านจะไม่หลงกลเหล่ามนุษย์ที่เรียกว่า ยึดตน

หมายเหตุ ธรรมะสยบมารนี้ ถ้าท่านอ่านทบทวนอย่างพิจารณา มหาพิจารณาแล้ว คงจะพบดวงตาเห็นธรรม

บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๓

การเป็นชาวพุทธที่แท้จริง


(วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๔)



สมเด็จ : หลักแห่งความจริงของโลกมีอยู่ว่า ถ้ามนุษย์เราไม่เข้าซึ้งถึงสัจจะแห่งธรรมะ มนุษย์เหล่านั้นก็ยังยึดโทสะ โมหะ โลภะ เมื่อมนุษย์เหล่านั้นยังยึดโทสะ โมหะ โลภะ แล้วไซร้ มนุษย์เหล่านี้จะต้องตกอยู่ในสังสารวัฏแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ที่จะสู่แห่งความหลุดพ้นจากความทุกข์นั้นยาก

เพราะฉะนั้น ท่านอย่าลืม พุทธศาสนา พุทธปรัชญา เกิดขึ้นเพราะว่า องค์สมณโคดมนั้นยึดหลักแห่งความทุกข์ของมนุษย์เป็นสรณะ ในการที่จะขจัดทุกข์ของมนุษย์ จึงได้ทำการค้นในการที่จะหลุดพ้นแห่งวัฏสงสารนั้น แต่ภาวะทั้งหลาย ในขณะนี้ศาสนาพุทธสู่กึ่งพุทธศาสนา มนุษย์ทั้งหลายที่ยังไม่เข้าซึ้ง ถึงแค่เปลือก ก็พยายามที่จะเด่นในวงการศาสนา พกความอิจฉาริษยา

เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลาย ถ้าท่านประกาศตนที่จะรับใช้งานของโลกวิญญาณแล้วไซร้ ท่านจะต้องมีขันติเป็นสรณะ จะต้องมีปัญญาเป็นแนวทางวินิจฉัยการเคลื่อนไหว ในวิถีการทั้งหลาย ท่านอย่าลืมสงครามเกิดขึ้น เพราะมนุษย์ไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน สงครามเกิดขึ้นเพราะอีกฝ่ายหนึ่งมีความเบียดเบียน มีตัวโลภเป็นสรณะ จึงเกิดสงครามขึ้น

ในโลกนี้ ถ้ามนุษย์เรารู้จักหันหน้าเข้าปรึกษากัน รู้จักค้นเหตุและปัจจัยแล้วไซร้ สันติสุขย่อมที่จะเกิดขึ้นในโลกมนุษย์ได้ และถ้าทุกคนรู้จักทำสมาธิเป็นสรณะ เพื่อไม่ให้จิตฟุ้งซ่าน คิดมาก โรคประสาทย่อมไม่มีในโลกมนุษย์ การที่ทุกวันนี้โรคประสาทมนุษย์ทวีขึ้น เพราะว่า

๑. ความศิวิไลซ์แห่งวัตถุในโลกมนุษย์เจริญ จิตใจมนุษย์เสื่อม

๒. มนุษย์ค้นไม่พบยาอายุวัฒนะแห่งกายในกาย

คือการฝึกสมาธิเป็นสรณะในการบำบัดความใคร่ก็ดี กามตัณหาก็ดี ความอิจฉาที่ฝังในสันดานก็ดี สิ่งเหล่านี้ เมื่อท่านไม่ใช้สมาธิลับให้คมขึ้นสู่ปัญญาแล้วไซร้ มนุษย์ทั้งหลาย ท่านก็สักแต่ว่า ท่านเป็นชาวพุทธ แต่ท่านไม่ได้เดินตามพุทธะเลย

การเดินตามพุทธะนั้น คือ


๑. ท่านจะต้องวางตนให้เหนือสรรพสิ่ง ที่จะเข้ามากระทบท่านในอายตนะทั้งหลาย


๒. ท่านจะต้องพยายามภาวนาในเมตตาสูตรให้เข้มแข็ง


๓. ท่านจะต้องพยายามบ่มสมาธิให้แน่น

เมื่อนั้นท่านจะได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธที่แท้จริง

เจริญพร

บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๔

การจะสำเร็จในทางธรรมเกี่ยวกับกรรมเก่าหรือไม่


(วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๓)



สานุศิษย์ : อยากจะเรียนถามว่า ผู้ที่พยายามปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ว่าไม่สำเร็จได้ดวงตาเห็นธรรม จะเกี่ยวด้วยกรรมเก่าหรือไม่

สมเด็จ : คือในปัญหาธรรมะข้อนี้ เราจะต้องแยกแยะให้เป็นหลักของวิชาเป็นขั้นๆ

จุดที่หนึ่ง ท่านต้องรู้จักคำว่า การเป็นชาวพุทธนั้นคืออย่างไร
การเป็นชาวพุทธนั้น ไม่ใช่การยึดมั่นในวัตถุ
การเป็นชาวพุทธนั้น ไม่ใช่อยู่ที่พิธีรีตอง


การเป็นชาวพุทธก็คือว่า พุทธะคือผู้รู้ รู้แจ้งแทงตลอดในกุศล อกุศล รู้ฌาน รู้อรหันต์ รู้ความจริง รู้การเป็นคนว่าอยู่อย่างไร สภาวะระหว่างเป็นคนต้องใช้กรรมตามวาระ กุศลส่งวิบากเกิดเป็นคน

ทีนี้ ในภาวการณ์แห่งการเป็นมนุษย์นั้นแล จุดสำคัญในการปฏิบัติคือว่า ถ้าเรายังเป็นชาวพุทธปุถุชน ชาวพุทธก็ต้องแยกออกไปว่า พุทธโสดาปัตติมรรค พุทธอนาคามี พุทธอรหันต์ พุทธเข้าสู่พุทธะ


เพราะฉะนั้น ระหว่างที่เราเป็นชาวพุทธปุถุชนนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมีสัมมาอาชีวะแห่งการเลี้ยงชีพชอบ ทีนี้ในสัมมาแห่งการเลี้ยงชีพชอบนี้แล อำนาจแห่งสมาธิย่อมไม่สงบ เพราะว่าต้องใช้สมองในด้านประสาทแห่งการนึกและคิด แห่งการดำรงตนเพื่ออยู่รอดของคำว่าเกียรติและชื่อเสียงในโลกมนุษย์ที่สมมติ

ทีนี้ผู้จะเข้าซึ้งถึงดวงตาแห่งการเห็นฌาน เห็นญาณนั้น

จุดแรกก็คือว่า ท่านละได้หรือไม่ เป็นจุดสำคัญ ท่านยังยึดว่า ท่านจะต้องเป็นมหาเศรษฐีหรือไม่ ท่านยังยึดว่า ท่านจะต้องเป็นผู้มีเกียรติหรือไม่ ท่านยังยึดว่า ท่านนี้เป็นผู้มีบรรดาศักดิ์หรือไม่ เพราะฉะนั้น ถ้าท่านยังทิ้งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้แล้วไซร้ ไม่มีทาง

อาตมากล้าพูดว่า การที่จะถึงฌาน ญาณ นั้น ผู้นั้นจะต้องละในสักกายทิฐิแห่งความยึดตน เมื่อละในสักกายทิฐินี้ได้ การเข้าสู่ถึงอำนาจฌานญาณนั้นไม่ขึ้นกับกุศลและอกุศลในอดีตชาติ ขึ้นอยู่กับปัจจุบันชาติ ว่าตนนั้นมี ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา แห่งความแน่วแน่ในการอุตสาหะปฏิบัติธรรมหรือไม่

ทีนี้ เข้าสู่ในปัญหาประเด็นว่าจะเห็นธรรมขั้นไหน ถ้าผู้ที่สำเร็จในโสดาปัตติมรรค ผู้ที่จะสำเร็จเป็นอนาคามี ผู้ที่จะสำเร็จอรหันต์ แต่ยุคนี้ทำยาก พวกเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเกี่ยวข้องกับคำว่ากรรมวิบากในอดีตส่งผลปัจจุบันนี้ว่าจะถึงหรือไม่

เพราะฉะนั้น คำถามนี้อาตมาขอตอบว่า ถ้าท่านจะเอาแต่อำนาจแห่งฌานญาณ ของปฐมฌาน หรือตติยฌานแล้ว อยู่ที่ท่านมีความอุตสาหะวิริยะในการปฏิบัติ ในการละจากการครองเรือนหรือไม่

ถ้าพูดในเรื่อง คำว่าสำเร็จเป็น โสดาปัตติมรรค อนาคามีและอรหันต์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยกฎของกุศลและอกุศลในอดีตชาติเข้ามาพัวพันในปัจจุบันชาติ

บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๕

พระอรหันต์ในยุคปัจจุบันมีหรือไม่



สานุศิษย์ : ผมสงสัยว่าในยุคปัจจุบันนี้ ยังมีผู้ที่สำเร็จเป็นอรหันต์เช่นเดียวกับในสมัยพุทธกาลบ้างหรือเปล่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ใครสำเร็จเป็นอรหันต์

สมเด็จ : ในขณะนี้อรหันต์เขาไม่มาเดินอยู่ในเมืองหลวง อรหันต์เขาไม่มายุ่งในหมู่คณะ และในอันนี้อาตมาได้ตอบไว้นานแล้วว่า อรหันต์ในยุคนี้มีอยู่เพียง ๕ องค์ ปัจจุบันเหลือแค่ ๓ องค์ และก็อยู่ในป่าลึกที่มนุษย์ธรรมดาจะเข้าไปไม่ได้


เพราะว่า กระแสในการแห่งการเป็นอรหันต์นั้น ถ้ามาใช้การปฏิบัติในปัจจุบันนี่ เขาหาว่าผู้นี้คือคนบ้า เพราะฉะนั้น ในการถึงกระแสอรหันต์ ก็คือว่า ผู้ที่สำเร็จอรหันต์ ความทุจริตประจำใจไม่มีในมโนกรรม วจีกรรม กายกรรม วจีกรรมพร้อมที่จะเป็นผลต่อมวลมนุษย์ ยินดีที่จะแสดงธรรมเพื่อความหลุดพ้นของสัตวโลก

สานุศิษย์ : สำหรับความนึกคิด ความรู้ของวิญญูชนนี่ จะสามารถทราบได้ไหมว่าองค์ไหน หรือว่าท่านผู้ใดเป็นอรหันต์ มีวิธีสังเกตประการใด

สมเด็จ : ถ้าไม่มีอำนาจฌานญาณแล้วไม่ต้องพูดถึง ไอ้คำว่าวิญญูชนนี่ อย่าใช้กับไอ้โตหน่อยเลย สมัยนี้มึงเรียนดีกรีสองเล่ม มึงก็บอกว่า มึงเป็นวิญญูชน เป็นปัญญาชน ไอ้สิบห้าดีกรี สามสิบสองดีกรีก็ใหญ่แล้ว


ปัญญาชน ก็คือ ต้องมีอำนาจกระแสจิต มีเจโตปริยญาณ จึงสามารถหยั่งรู้กระแสอรหันต์
บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

N1.JPG


ตอนที่ ๖

เจ้าคุณนรรัตน์



สานุศิษย์ : หลวงพ่อครับ มีคนสงสัยว่า ท่านเจ้าคุณนรรัตน์แห่งวัดเทพศิรินทร์ ที่ท่านสิ้นไปแล้วนั้น ขณะนี้ท่านไปแดนอรหันต์หรือไปแดนไหน

สมเด็จ : คือในสภาพการณ์ มนุษย์ไม่เข้าใจ อะไรเรียกว่าอรหันต์ อะไรเรียกว่าโพธิสัตว์ อะไรเรียกว่าอริยบุคคล อะไรเรียกว่าพรหม อะไรเรียกเทพ เขาเรียกว่า ตนทำไม่ถึง ทุกอย่างก็ว่าเป็นไปไม่ได้

ในภาวะที่คนมีชื่อเสียงในอดีต หรือว่าคนที่มีเกียรติ มีตำแหน่งเป็นอะไรที่มนุษย์สมมติขึ้นในสังคม พอมาบวช มาปฏิบัติ คนก็สนใจ แต่ถ้าเป็นเด็กชาวนาหรือว่าเด็กสับปะรังเคคิดที่จะทำความดี คนไม่สนใจ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สังคมกลียุคเป็นเช่นนี้

ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ได้ทิ้งสังขารจากโลกมนุษย์แล้วก็ไปอยู่พรหมโลก ในขณะนี้อยู่สวรรค์ชั้นที่ ๔ สวรรค์ชั้นดุสิต แล้วก็พบกับอาตมาบ่อย เรียกว่าในพรหมโลก เป็นเวลาตั้งนานแล้วในศตวรรษนี้ยังไม่เคยได้ต้อนรับพรหมสักองค์หนึ่งจากโลกมนุษย์เลย ก็มีท่านเจ้าคุณนรรัตน์นี่แหละ เขาก็พบอาตมาบ่อย ก็เลยพยายามเตือนอาตมา ห้ามอาตมา บอกว่า

“ท่านโต ท่านนี้พ้นแล้ว ท่านก็เป็นนักปราชญ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ไม่มีใครเปรียบท่านได้ สมัยที่ฉันยังมีสังขารอยู่ ฉันไม่ได้มาพบท่านที่มาทำงานที่สำนักปู่สวรรค์นี้ แต่ฉันก็ได้อ่านในบทความและการทำงานของท่านที่ทำอยู่ แต่ว่าตามหลักแล้ว สัตวโลกปัจจุบันนี้เป็นการยากที่จะโปรดได้


ฉันนี้ สมัยที่ยังมีขันธ์และเป็นข้าเก่าของรัชกาลที่ ๖ มีตำแหน่งเป็นพระยา คนนับหน้าถือตา พระเจ้าแผ่นดินองค์ปัจจุบันทั้งพระราชินีก็นับถือฉัน เหตุไฉน ฉันจึงปิดประตูไม่พบมนุษย์เล่า ก็เพราะว่ามนุษย์ในยุคนี้ เลวยิ่งกว่าหมา ท่านโต ท่านพ้นขี้แล้ว ทำไมจึงไปยุ่งกับขี้อีกเล่า” นี่คือคำพูดของพระนรรัตน์ ที่พูดกับอาตมาแทบทุกครั้งที่เจอหน้า

ทีนี้ อาตมาถือว่า ในการมาทำงานครั้งนี้ ขรัวโตเป็นคนที่เชื่อมั่นในความสามารถของตน จึงได้มาทำงานในครั้งนี้ แต่ว่ามนุษย์จะร่วมมือกับอาตมา จะทำงานจริงหรือไม่ และมนุษย์บางคนก็ถือทิฐิ ท่านต้องเข้าใจว่า ในภาวะเช่นนี้ ไม่ใช่ทุกคนจะเห็นว่าสำนักปู่สวรรค์ทำความดี เพราะว่ามนุษย์ในยุคปัจจุบันมีตัวอิจฉา มีตัวโลภ มีตัวโกรธ กลัวคนอื่นเด่นกว่าตน สิ่งเหล่านี้ฝังแน่นอยู่ในสันดานมนุษย์ในยุคนี้

เพราะฉะนั้น ท่านที่ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ หรือว่าท่านที่เป็นผู้ที่ห่มผ้าเหลืองแล้ว ในภาวะเช่นนี้ ท่านควรเจริญในด้านเมตตา เจริญในด้านสติ เจริญในด้านวิปัสสนากรรมฐานให้แข็งแกร่ง เพื่อต้อนรับกับเหตุการณ์ในโลกมนุษย์


ซึ่งอาตมาทำอะไร เขาเรียกว่า สมเด็จโตเป็นคนเปิดเผย แต่ขณะนี้โลกมนุษย์เขาไม่ส่งเสริมคนทำความดี เพราะอยู่ในภาวะที่อธรรมครองโลก ไม่ใช่ธรรมครองโลก ทีนี้ธรรมะจะครองโลกได้อย่างไร ก็ต้องใช้ความสุขุมและใช้ปัญญาเข้าใจไหม

บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๗

การทำงานของพระโพธิสัตว์



คุณประเสริฐ สุทธิพิมพ์ : กระผมได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงพ่อสมเด็จมาแล้ว โดยมากอ่านจากข่าวหนังสือพิมพ์ครับ วันนี้ผมได้มาพบ ผมอยากจะถามปัญหาหลวงพ่อสักหน่อยครับ คือว่าการเป็นพระโพธิสัตว์หรือเป็นอรหันต์นี้ เป็นอย่างไรครับ

สมเด็จ : เจริญพร คือในสภาวการณ์การเป็นอรหันต์ก็ดี การเป็นพระโพธิสัตว์ก็ดี นิพพานก็ดี สิ่งเหล่านี้ สามคำนี้ พูดง่าย แต่ทำยาก การเป็นพระโพธิสัตว์นั้น จะต้องมีกระแสแห่งความเมตตา เขาเรียกว่า มีมหาเมตตา และมหาวิริยะ อารมณ์ของพระโพธิสัตว์ ทุกวิถีทางที่จะทำอย่างไรให้สัตวโลกพ้นทุกข์ อารมณ์ของพระโพธิสัตว์นั้น มีความพยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยโปรดสัตว์

อาตมาบอกแล้วว่า สำนักปู่สวรรค์เกิดขึ้นในโลกมนุษย์ในกลางกลียุคเช่นนี้ ก็ต้องการที่จะมาระงับความร้อนในโลกมนุษย์โดยการไม่ต้องใช้อาวุธ แต่จะทำไปถึงจุดหมายปลายทางได้ขนาดไหนนั้น ขึ้นอยู่กับมนุษย์ต่อมนุษย์ และขึ้นอยู่กับลูกมือ ว่ามีความเข้มแข็งหรือไม่

คือ หนึ่ง การทำงานอะไรก็แล้วแต่ ถ้าท่านยังมีความอาย ท่านก็จงอย่าทำ แต่ถ้าท่านจะทำ ท่านก็ต้องไม่มีความอาย และต้องพิจารณาแล้วว่า สิ่งนี้สมควรที่จะทำ คือการทำงานสิ่งใดก็แล้วแต่ในโลกนี้ ย่อมที่จะมีทั้งผู้สนับสนุนและผู้เกลียดชังเป็นธรรมดาของโลก ตั้งแต่เปิดโลกแล้ว

ถ้าท่านมีจิตแห่งความเมตตาเป็นสรณะ และมีความยึดมั่นในคติ ๔ ประการ ที่อาตมาเตือนแล้วเตือนอีกว่า เรามีขันติ สัจจะ บริสุทธิ์ เมตตา แล้วท่านไม่ต้องกลัว

ถ้าท่านเชื่อว่าเทวดามีจริง เทพพรหมมีจริง สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เขาย่อมคุ้มครองท่าน ถ้าท่านทำงานด้วยมีอุดมการณ์ ๔ ประการ คือ ขันติ สัจจะ บริสุทธิ์ เมตตา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะโลกขณะนี้ สังฆมณฑลก็ดี พุทธจักร อาณาจักรก็ดี ไม่มีคนกล้าทำงานอย่างจริงจัง กลัวอำนาจ กลัวอิทธิพล เมื่อท่านยังกลัวอำนาจอิทธิพลแล้วไซร้ ท่านย่อมที่จะเสียสละเพื่อส่วนรวมไม่ได้ สังคมมนุษย์ก็ไม่มีการที่จะหยุดใช้อาวุธ

ผู้ที่ได้เป็นผู้นำ ก็เพราะคนยอมให้นำ จึงเป็นผู้นำได้ ถ้าคนไม่ให้นำ จะเป็นผู้นำได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าคิด เรามีความบริสุทธิ์ต่อสัตวโลก เราต้องกล้าเดินเข้าไปหา ไม่ว่าจะเป็นผู้นำฝ่ายใด

เพราะฉะนั้น ในขณะนี้ ทุกอย่างอาตมาจะเป็นผู้บุกเอง แต่ยังขาดปัจจัย ขาดมนุษย์ที่จะช่วยร่วมมือ แล้วกาลเวลาก็ไม่คอยท่า วัน เวลา นาที ชั่วโมง ผ่านไปแล้ว ท่านจะเอาเงินล้านซื้อกลับมาไม่ได้แม้แต่หนึ่งนาที เพราะฉะนั้น เหตุการณ์ทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นในโลกมนุษย์ก็ใกล้เข้ามาแล้ว ฉะนั้น ก็จะดูว่ามนุษย์จะมีความเสียสละขนาดไหน เพื่อช่วยมนุษย์อีกเป็นล้าน

สิ่งเหล่านี้ ถ้าท่านยังห่วงสมบัติ ท่านก็จะไม่มีสมบัติครอง ท่านห่วงที่ดิน ท่านก็จะไม่มีที่ดินอยู่ แล้วประเทศไทย หรือว่าสยามนี้เป็นเอกราช ไม่เคยตกเป็นทาสใคร ไม่เคยถูกแบ่งแยก แต่ถ้ามาถูกแบ่งแยกต้องตกเป็นทาสในยุคของท่านแล้ว อาตมาขอถามว่า ท่านจะมีหน้าไปพบบรรพบุรุษของท่านได้หรือ สิ่งเหล่านี้ การเสียสละนิดๆ หน่อยๆ ท่านมองข้าม หวง ยึด ก็ขอให้ยึดไปได้ตลอดเถิด

เจริญพร

บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-10-30 21:04 , Processed in 0.061733 second(s), 16 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.