ตอนที่ ๑๗ ใบโพธิสัตว์
เทวะประจำใบโพธิสัตว์
สำนักปู่สวรรค์ มีอุดมการณ์ที่จะช่วยเหลือมนุษย์ทุกคนให้อยู่อย่างสันติสุข พ้นจากโรคาพยาธิ และการทำงานเหล่านี้ เมื่อองค์พระโพธิสัตว์หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) ท่านเสด็จมาโปรดสัตว์ มีมนุษย์ได้ขอให้หลวงปู่ช่วยแก้ทุกข์ทางฆราวาสวิสัย อันเป็นการไม่สมควรแก่พระโพธิสัตว์ เพราะพระโพธิสัตว์ต้องควบคุมอารมณ์ของท่าน จะเกี่ยวข้องทางโลกมากนักไม่ได้
องค์อมรินทร์จึงถวายเทวดาจำนวนหนึ่ง เพื่อให้ช่วยเหลือมนุษย์ โดยสร้างใบโพธิสัตว์ขึ้น ผู้อัญเชิญใบโพธิสัตว์ไปบูชา ย่อมมีเทวดา ๑ องค์ ติดตามคุ้มครอง เมื่อมนุษย์อธิษฐานขอเทวดา ช่วยได้ก็ช่วย ถ้าช่วยไม่ได้ ท่านก็รายงานหลวงปู่ หลวงปู่ก็พิจารณาและสั่งการช่วยเหลือต่อไป ซึ่งไม่เหนือกฎแห่งกรรม
บูชาเทวะใบโพธิ์มีแต่คุณไม่มีโทษ
(วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๑๑)
สานุศิษย์ : คือหลังจากไฟไหม้แล้วนี่ ผมไม่ได้บูชาใบโพธิสัตว์เป็นเวลาหลายเดือนเลยครับ แล้วเวลานี้ ผมกลับมาบูชาใหม่ ใบโพธิสัตว์ยังมีเทวดาอยู่ใช่ไหมครับ
สมเด็จ : ย่อมมีอยู่เสมอ เทวะที่กำหนดมานั้น เป็นการกำหนดมาทำงานกับโลกมนุษย์โดยเฉพาะ และในการบูชานั้น โลกวิญญาณเขาทรงไว้ด้วยความยุติธรรม เขาไม่มีการลงโทษหรอก ไอ้พวกที่ลงโทษ มันพวกบ้าๆ บอๆ
คือ ในสภาวะผู้สำเร็จนั้น ทรงไว้ด้วยความบริสุทธิ์ ทรงไว้ด้วยความยุติธรรม ว่าการปฏิบัติ มนุษย์มีภารกิจอันใดที่ปฏิบัติไม่ได้ ฉะนั้น ผู้ที่เชิญใบโพธิสัตว์ทั้งหลาย ไม่ต้องมีอุปาทานแห่งความกลัว ว่าไม่ได้บูชาแล้วจะได้โทษ และการบูชานั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตอง ใช้หลักแห่งกระแสจิต
ธรรมะอันแท้จริง คือ จิตถึงก็ถึง ให้บูชาด้วยจิตและวิญญาณ ไม่ใช่บูชาด้วยวัตถุ เกิดจากพวกเกจิอาจารย์ทั้งหลายรุ่นหลังๆ ได้ทำกัน ซึ่งเป็นการทำลายวิถีการอันบริสุทธิ์ขององค์สมณโคดม
ฉะนั้น การตั้งสำนักปู่สวรรค์นี้ ก็เพื่อขัดเกลาในหลักแห่งการที่มนุษย์ยึดมั่นในวัตถุ ให้พยายามวิวัฒนาการตนไปสู่หลักแห่งความบริสุทธิ์ของจิต เข้าใจไหม
สานุศิษย์ : เข้าใจครับ
สมเด็จ : “ผู้ใดปฏิบัติธรรม ผู้นั้นถึงธรรม ผู้นั้นก็รู้ว่าธรรมคืออะไร” เพราะฉะนั้น เราอยู่ในโลก เราควรจะ ควรมีสติปฏิบัติตน คือ
๑. การเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น ควรมีสติสัมปชัญญะพร้อมคุ้มตน
๒. อย่าตื่นตูมในการกล่าวของการฟังมาใดๆ ทั้งสิ้น
๓. เมื่อรับฟังแล้ว เราพิจารณาไตร่ตรอง แล้วค่อยเชื่อ ว่าสิ่งนี้จริง สิ่งนั้นไม่จริง
ก่อนที่จะลงความเห็นในสิ่งใด เราจะต้องเอาตนไปพัวพันกับสิ่งนั้น และเข้าไปพิสูจน์ในสิ่งนั้น แล้วได้ลองรู้หลักแห่งกฎเกณฑ์ของสิ่งนั้น ค่อยลงความเห็น
เพราะฉะนั้น จึงขอเตือนว่า เกจิอาจารย์ทั้งหลายที่สอนอยู่ เราก็อย่าเพิ่งเชื่อ แม้แต่อาตมานี้ก็อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะว่าหลักความพิจารณาของธรรมชาติมันมีกฎของมันอยู่ และอาตมาก็เดินตามรอยองค์สมณโคดม
คือว่า องค์สมณโคดมไม่มีการผูกขาดในธรรมะ เพราะธรรมะเป็นสิ่งยอดเยี่ยมของธรรมชาติ ที่ผู้ที่เป็นคนแห่งการมาใช้กรรมในการมีสังขารอยู่นี้ จิตและวิญญาณมาใช้กรรมมาสะสมกรรม ทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรมในปัจจุบันชาติ คือหลักอันนี่แหล่ จึงยืนอยู่แห่งการศาสนาพุทธอยู่ทุกวันนี้ และทุกวันนี้เป็นจุดแห่งการที่มนุษย์ยุคนี้ สนใจหลักแห่งความจริงของศาสนาพุทธ |