ตอนที่ ๑ มนุษย์ตายแล้ววิญญาณไปไหน
พระธรรมวราลังกา : กระผม อยากจะขอศึกษาเรื่องวิญญาณ เรื่องวิญญาณนี้มันยังลี้ลับอยู่มาก เวลาคนตายแล้ว วิญญาณออกจากร่างไปอย่างไรบ้างครับ
สมเด็จ : เจริญพร ก็เรียกว่า วันนี้มีพระถาม คือเรียกว่า เจ้าคุณสามัญเขาก็เรียกสิบตรี เจ้าคุณราชก็เรียกสิบโท นี่เจ้าคุณธรรมก็สิบเอก แล้วก็ได้มาถามสมเด็จ สมเด็จนี่นายพลแล้วเว้ย
ก็ได้ถามถึงเรื่องวิญญาณว่า มนุษย์ตายแล้ววิญญาณไปไหน แล้วเหตุไฉนสมเด็จโตทิ้งร่างจากโลกมนุษย์นี้ไปเป็นร้อยปี ทำไมยังมาคุยกันได้ ภาวะอันนี้เป็นคำถามง่ายๆ แต่ว่าถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดา มันตอบยาก แต่นี่เป็นสมเด็จโต มันหัวแหลมยิ่งกว่าลิง มันไปไหว
ก็คือ ในสภาวะต้องเข้าใจว่า มนุษย์เรานี้เกิดจากอะไร การเป็นคนนี้ไซร้ สืบเนื่องจากว่า เรามีภาวะแห่งการวิบากของตน ที่จะมาพัวพันกับบิดามารดา ที่จะมาเป็นพ่อแม่ในปัจจุบันชาติ เป็นจุดแห่งสมุฏฐานในการที่จะเกิดเป็นคนก่อน
ทีนี้ ในเรื่องวิญญาณนี้ เป็นเรื่องละเอียดถี่ยิบ ที่จะอธิบายให้รู้กันภายในชั่วโมงเดียวหมดในเรื่องของโลกวิญญาณ ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะว่ามันมีแง่และมีข้อที่จะต้องคุยกัน เรียกว่า พูดกันตลอด ๒๔ ชั่วโมง ๑๐ วัน ไม่จบเรื่องวิญญาณ
การตาย ๓ ลักษณะ
ก็มาสรุปให้ว่า คนเราตายแล้วนั้นจะไปไหน ในเรื่องแห่งการตายนี้ คือมีอยู่ ๓ ประการ
๑. ตายเพราะหมดอายุขัย
๒. ตายเพราะกรรมวิบาก (ตายไม่ถึงอายุขัย)
๓. ตายเพราะอสูรฆ่า หรือ พวกวิญญาณแกล้ง
นี่คือ การแยกแยะในเรื่องการตาย ทีนี้ เราจะมาอธิบายถึงการตายทั้งสามประการนั้นเป็นอย่างไร
ตายหมดอายุขัย
ถ้าสืบถามผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น คนเฒ่าคนแก่ ผู้ที่เป็นบิดามารดาหรือว่าญาติโยมของเรา เกี่ยวกับคนตายนี้ คือเขาก็จะบอกว่า พ่อแม่ของเราก็ดี ก่อนที่จะตายนั้น จะต้องมีลางสังหรณ์ ก็คือว่า ถ้าท่านตายถึงอายุขัย ภายใน ๓ วัน ก่อนตายนั้น ท่านจะมีจิตใต้สำนึกอันหนึ่งว่า เรานี้จะต้องจากโลกมนุษย์
ถ้าบุคคลนั้นทำดีจะมีพรหมทูตมารับ ทำดีพอประมาณเขาจะมีเทวทูตมารับ ทำไม่ดีจะมียมทูตมารับ เขาส่งมารับเพื่อที่จะมารับวิญญาณนั้นๆ แล้วเขาจะนำท่านไปสู่ศูนย์รวมกรรม มนุษย์ที่จะสำเร็จอะไรก็แล้วแต่ ต้องไปสู่ยมโลก ที่นรกขุมที่ ๑ ก่อน เป็นหลัก เรียกว่าเป็นเมืองแห่งวิญญาณปุตุ เมืองแห่งการรวมกรรมทั้งหลาย
แล้วท่านจะเห็นว่า ถ้าคนตายใหม่ๆ ๖ วัน ๗ วัน ในบ้านจะครึ้มๆ ไม่มีอะไร แต่หลังจาก ๗ วันแล้ว ทำไมบ้านเกิดมีหมาหอนบ้าง มีคนเห็นคนตายมาในบ้าน ทั้งนี้เพราะว่า เมื่อเขาตายถึงอายุขัยแล้วไซร้ เขาไปถึงยมโลก ยมบาลก็ดี นายนิติยบาลก็ดี จะบอกให้รู้ว่า ขณะนี้เอ็งได้ตายจากโลกมนุษย์มาแล้ว ได้มาสู่ยมโลก
พลังแห่งการมาสู่ยมโลกนี้แหล่ ท่านจะต้องเสวยกรรมวิบาก ฉับพลันแห่งจิตวิญญาณในขณะนั้นจะรู้สึกหดหู่ แล้วมีจิตแห่งความสำนึกที่จะคิดถึงบ้าน ก็จะขอว่า ระหว่างที่ยังไม่ได้ตัดสินนั้น ขอให้นายนิติยบาลพาฉันมาเยี่ยมญาติโยมบ้างได้หรือไม่ เขาก็อาจจะอนุญาตให้มา ก็พามา พลังแห่งการพามานี้ จะทำให้ทางบ้านเกิดว่า เห็นอะไรขึ้นมา
การที่วิญญาณไปสู่ยมโลก แล้วกลับมาเที่ยวบ้านนี้ มาถึงเขาก็จะแน่ใจว่า เขานี่ตายแล้วจริงๆ คือเขาคุยกับคนในบ้าน คนในบ้านก็ไม่คุยด้วย เขารู้สึกแปลกใจ จึงรู้ตัวว่าตายแล้วจริง หลังจากนั้นเขาก็ต้องกลับไปสู่การเสวยกรรมวิบาก ทั้งนี้ แล้วแต่กุศลและอกุศลทั้งหลายที่เขากระทำ
มนุษย์เรานี่ ทุกคนอายุไม่เกิน ๑๐๐ ปี แล้วก็ต้องตาย ฉะนั้น ท่านจงหมั่นทำความดี แล้วจะดี
จดหมายเตือนจากยมบาล
มีเรื่องหนึ่ง ยมโลกได้ตัดสิน ได้พาวิญญาณยายแก่คนหนึ่งมา คนนั้นก็บอกว่า นี่ยมบาล ฉันยังไม่ได้ทำความดีเลย ทำไมจึงรีบจับฉันมาเล่า
แล้วยมบาลก็บอกว่า ไอ้มนุษย์เฮ้งซวย ที่มึงไปเกิดนั้น ทำไมไม่ทำความดี มึงมัวไปนั่งทำอะไร มัวแต่ไปนั่งเคี้ยวหมาก ไปนั่งคุย แล้วบอกว่า ไม่มีเวลานี่ อย่าพูด เพราะธรรมชาติเขาสร้างให้ ๒๔ ชั่วโมง นอน ๘ ชั่วโมง ทำงาน ๘ ชั่วโมง พักผ่อน ๘ ชั่วโมง
ตอนที่เอ็งมีชีวิตอยู่น่ะ ยมบาลเขามีจดหมายมา ๓ ฉบับ ลงทะเบียนมาให้ทุกคน คือ
จดหมายฉบับที่ ๑ เมื่ออายุ ๓๐ กว่าแล้ว ผมจะเริ่มร่วง หน้าจะเริ่มเหี่ยว เตือนว่า ไอ้หนูเอ๋ย มึงใกล้จะกลับบ้านเก่าแล้ว ต้องทำความดีเสีย
ต่อมาจดหมายฉบับที่ ๒ เมื่อท่านอายุ ๔๐ กว่าๆ ถึง ๕๐ กว่าๆ ตาจะเริ่มมัว นี่คือจดหมายฉบับที่ ๒ เตือนอีกว่า จงทำความดีเสีย
จดหมายฉบับที่ ๓ อันนี้อายุ ๕๐ กว่าๆ ถึง ๖๐-๗๐ กว่า ตอนนี้ก็จะลืม ป้ำๆ เป๋อๆ เป็นการเตือนว่า ใกล้กลับบ้านแล้ว
ทีนี้บางคน เขาก็รู้สำนึก ก็รีบทำสมาธิ ถ้าไม่รู้สำนึก ก็ไปห่วงบ้าน ห่วงเมีย อะไรก็ว่ากันไป อันนี้ก็เรื่องของมนุษย์ นี่หมายความว่า ตายถึงอายุขัย
ตายเพราะกรรมวิบาก
สมเด็จ : ประการที่ ๒ ตายด้วยกรรมวิบาก ที่เรียกว่า ไม่ถึงอายุขัย เช่น สมมติคนนั้นกำลังป่วย ไม่สบาย ด้วยอกุศลวิบากที่ตนได้สร้างมาในอดีตฉับพลันกายเนื้อไม่ทำงาน และกายใน สายใยแห่งจิตวิญญาณได้ถูกตัดออกฉับพลัน
เขาจะรู้สึกว่า ทั้งๆ ที่ป่วยอยู่ เอ๊ะ ทำไมเราจึงไม่ได้ป่วย แข็งแรง เราทำไมจึงเดินได้คล่อง แต่ว่าไปคุยกับคนโน้นคนนี้ เขาก็ไม่คุยด้วย ไปคุยกับใครก็ไม่มีใครคุยด้วย ก็เรียกว่า วิญญาณนั้น จะเพ่นพ่านอยู่ในบ้าน ๗ วัน
หลังจาก ๗ วันแล้ว เขารู้แน่ว่าเขาตายแล้ว พลังอันนี้ เขาจะพุ่งออกจากบ้านทันที โดยไม่เหลียวแล อันนี้เขาเรียกว่า วิญญาณอิสระ หรือที่ชาวบ้านว่า วิญญาณพเนจร
ตายเพราะอสูรฆ่า
สมเด็จ : ประการที่ ๓ ตายเพราะอสูรฆ่า หรือวิญญาณพวกปีศาจอะไร
ทำไมอสูรจะต้องมาฆ่าคนตาย อันนี้เป็นเรื่องที่น่าคิด ท่านเชื่อหรือไม่ว่านรกมี ท่านเชื่อหรือไม่ว่าสวรรค์มี ถ้าท่านเชื่อว่ามีก็คุยกันต่อไปได้ ถ้าเชื่อว่าไม่มีก็เลิกคุยกัน นี่หมายความว่า ให้มนุษย์คิดให้ท่านคิด
ทีนี้ ถ้าท่านเชื่อว่านรกมี สวรรค์มี นรกเป็นที่จองจำวิญญาณมนุษย์ที่ทำความชั่ว หลังจากตายจากโลกมนุษย์ไปแล้ว เขาเรียกว่า วิญญาณปุตุ เหล่านี้ ก็มีพวกอสูรจำศีลแล้วก็รู้สำนึก อสูรนี้ก็เกิดจากวิญญาณแห่งการเป็นมนุษย์นี้แหละ ไปอยู่นรก จำศีล ก็เรียกว่า สำนึกผิด ที่นี้
เมื่อจำศีลนานๆ เข้า ผู้ที่มีกรรมพัวพันกับเขาในโลกมนุษย์ก็ไม่มี เมื่อไม่มี เขาเป็นวิญญาณอิสระพัวพันจากนรกโลก คิดอยากจะเป็นมนุษย์ เพราะเกิดเป็นมนุษย์นี้ ถือว่าดี ประเสริฐ สามารถที่จะบำเพ็ญไปนิพพาน ไปเป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระปัจเจกโพธิเจ้า เป็นพระอรหันต์แห่งยุคในอนาคต
อธิษฐานเป็นพระพุทธเจ้าแห่งยุคได้ ไปแดนนิพพานได้ง่าย ดีกว่าอยู่ในโลกวิญญาณบำเพ็ญ อยู่ในโลกวิญญาณบำเพ็ญก็ไปแค่อนาคา อนาคามี โสดาปัตติมรรค และพระปัจเจกโพธิเจ้าได้ แต่จะเป็นพระโพธิสัตว์นั้นไม่ได้
อสูรสร้างกรรมพัวพัน
สมเด็จ : ฉะนั้น อสูรเหล่านี้ ก็คิกว่าโลกมนุษย์จะเป็นที่สร้างกุศล ทีนี้ เมื่อจะสร้างกุศล มันก็ต้องมีสมุฏฐานแห่งการเกิด คือต้องมีกรรมพัวพัน เมื่อวิญญาณอสูรมาโลกมนุษย์แล้ว ไม่มีกรรมพัวพันกับมนุษย์ใดเลย เขาก็ไม่สามารถเกิดได้ เขาก็หาวิธี โดยการฆ่ามนุษย์ คือมนุษย์ที่ดวงตก นั่นถือว่าสร้างกรรมปัจจุบัน
เพราะคนที่ตายนั้น แน่นอนจะต้องมีลูก หรือมีหลาน มีเหลน มีผัว มีเมีย มีอะไรเยอะแยะที่จะต้องมีกรรมพัวพัน เมื่อเขาฆ่าคนตาย ก็ทำให้เขามีกรรมพัวพันในครอบครัวนั้น อสูรนั้นก็สามารถที่จะปฏิสนธิในครรภ์ผู้ที่มีกรรมพัวพัน ที่ถูกเขาฆ่าตาย แล้วก็เกิดได้ นี้คือวิญญาณตายโดยถูกอสูรฆ่า
สานุศิษย์ : ฉะนั้น มีบางคนบอกว่า วิญญาณที่ออกจากร่างไปแล้ว ต้องมีผู้มารับ ถ้าไม่มารับก็ไปไม่ถูก
สมเด็จ : ถ้ามีผู้มารับ ก็หมายความว่า เขาตายถึงอายุขัย เข้าใจหรือยัง เมื่อตายถึงอายุขัย ก็ต้องมีพรหมทูต เทวทูต ยมทูต มารับ แต่ถ้าตายยังไม่ถึงอายุขัย ก็ไม่ไปรับ
วิญญาณอิสระหากินกับมนุษย์
สมเด็จ : ทีนี้ ก็มาสู่อีกเรื่องหนึ่ง เช่น บางคนได้ฝึกสมาธิมาบ้าง หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ พอตายไปเป็นวิญญาณพเนจร วิญญาณอิสระ วิญญาณอาละวาด พวกนี้เขาอาจจะมายืมร่างมนุษย์ที่มีจิตอ่อน หรือว่าที่มีกรรมพัวพัน หรือว่าผู้ที่ดวงตก มาเข้า คือมาหากินกับมนุษย์
พอมาถึง บางทีก็อ้างเป็นพระพุทธเจ้ามาเลย บางทีก็อาจเป็นสมเด็จโตมา อะไรมาก็ดี แล้วทำไมโลกวิญญาณไม่จัดการกับวิญญาณพวกนี้
เพราะว่า โลกวิญญาณเขามีความยุติธรรม เขาเคารพกฎแห่งกรรม ในขณะที่เขายังไม่ถึงเวลา หรือว่าไม่ถึงอายุขัย สมมติว่า เขาส่งพรหมทูต เทวทูต ยมทูต หรือยมบาล มาว่ากล่าวตักเตือน มันจะถุยน้ำลายต่อหน้ายมบาล ถุยเข้าหน้ายมบาล ยมบาลก็ต้องทนเอา เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำลายไป ทำอะไรมันไม่ได้ คือยังไม่ถึงอายุขัย
สมมติว่า เขาอายุขัยถึง ๑๐๐ ปี แต่อายุ ๓๐ ปีกว่า ตาย หรือว่า ๔๐ ตาย มันก็เหลือเวลาอีก ๖๐-๗๐ ปี มันก็อาละวาดของมันจนครบ ทีนี้เมื่อมันครบอายุขัย เขาก็จับไป ยมบาลก็คิดบัญชี เขาเรียกว่า มีบัญชีทิพย์ ๓ โลก คือของพรหมโลก เทวโลก ยมโลก ก็บอกว่า มนุษย์ผู้นี้ก่อนตายทำอะไร
ยมบาลก็บอกว่า มันตายไม่ถึงอายุขัย แล้วมันก็ไปอาละวาด และพอเราไปตักเตือนเอ็ง เอ็งก็ถุยน้ำลายใส่กู ฉะนั้น กูก็ต้องเตะตูดเอ็ง ๓ ที ในฐานะถุยน้ำลายใส่กูก่อน นี้เขาเรียกว่า คิดบัญชีกัน
เรื่องนี้ถ้าคนไม่เข้าใจ เล่าไปก็กลายเป็นเรื่องนิยาย เพราะมันเป็นเรื่องลี้ลับ เรื่องของนามธรรม เรื่องของจิตวิญญาณ เป็นเรื่องอจินไตย เรียกว่าใช้สมองธรรมดาคิดไม่ได้ จึงเป็นเรื่องที่จะต้องฝึกให้ถึงกายในกาย ถึงจิตในจิต ถึงธรรมในธรรม ถึงวิญญาณในวิญญาณ จึงสามารถรู้เรื่องเหล่านี้ละเอียดได้
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กฎของพรหมโลก เทวโลก กฎของยมโลกก็ดี แต่บางอย่างเขาก็ไม่ค่อยยอมให้พูดมาก แล้วบางแห่งเขาก็ไม่ให้สมเด็จโตไปเที่ยว เพราะเขาบอกว่า สมเด็จโตนี้รู้อะไรนิดหน่อยก็มาพูดให้มนุษย์รู้หมด
ฉะนั้น สรุปการตาย ๓ ประการ คือ
ตายถึงอายุขัย ก็มีวิญญาณเทพพรหมมารับ หรือยมบาลส่งยมทูตมารับ
ถ้าตายยังไม่ถึงอายุขัย เขาก็อาจจะอยู่ที่บ้าน เพ่นพ่านสัก ๗ วัน ๑๐ วัน แล้วเขาอาจจะไปเที่ยวตามเรื่อง หรือไปหลอกคนนั้น คนนี้ สำหรับคนขี้ตืดก็เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์
ถ้าตายอย่างอสูรฆ่า เขาก็อาจจะอยู่กับเจ้าที่เจ้าทางตรงนั้น แล้วแต่เจ้าที่เจ้าทางเขาจะเอาไว้เป็นลูกน้องหรือไม่ นี่สำหรับความตาย ๓ แบบ
ส่วนการเกิดก็มี เกิดมาผลาญ เกิดมาใช้หนี้ เกิดมาทำความดี นี่ก็สามเกิดเหมือนกัน แล้วเรื่องเกิด เรื่องตาย ถ้าจะอธิบายกัน คืนนี้ถึงเที่ยงคืนก็ไม่จบ
|