ตอนที่ ๘ แผนการกู้เยาวชนและเศรษฐกิจของชาติ
(วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๔)
คุณพิมพ์พรรณ พนมพรพานิช : เด็กนักเรียนสมัยนี้ไม่ค่อยจะสนใจการศึกษาขึ้นทุกที ถ้าแก้ไม่ได้แล้ว อีกไม่ช้าประเทศไทยจะอยู่ในความลำบาก เพราะว่าเด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า หลวงพ่อเห็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ
สมเด็จ : คือถ้าแก้เวลานี้ ต้องให้อาตมาเป็นเสนาบดีกระทรวงศึกษาเสียก่อน แล้วค่อยแก้ได้ ไม่งั้นแก้ไม่ได้ เพราะว่าถ้าผู้เป็นเสนาบดีไม่ยึดมั่นในศีลธรรม ไม่รู้คุณค่าของวัฒนธรรมแล้ว ย่อมที่จะแก้ไม่ได้ ปัญหาสังคมมันเป็นปัญหาใหญ่ ผู้มีอำนาจทั้งหลายต้องรวมตัวกันสัมมนา
ถ้าจะแก้ไขสังคมสยามไม่ให้สังคมสยามเสื่อมทรามเร็ว ก็คือต้องปรับปรุงในด้านการศึกษาให้ดี แล้วท่านจะยึดหลักอะไรเล่า ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ เรียกว่าแผนการกู้เยาวชนให้เป็นคนดี แผนการกู้เศรษฐกิจของสยามไม่ให้ล้าหลังเขา อยู่ในพุงสมเด็จโตหมดแล้ว แต่ว่าผู้บริหารมาขอซิจะเปิดให้ แล้วจะร้อง อ๋อ... ตอนนี้เทศน์ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเราเทศน์แล้ว ฟังแล้ว เราก็แก้ไม่ได้ สมเด็จโตก็เหนื่อยเปล่า
เพราะว่า ปัญหานี้เป็นปัญหาหนัก ถ้าไม่ปรับปรุงในขณะนี้ อีก ๒๐ ปี สยามจะแย่มาก
๑. วงการศึกษาจะต้องปรับปรุงวิชาศีลธรรมและหน้าที่พลเมือง เป็นวิชาหลักที่ทุกคนจะต้องศึกษา
๒. จะต้องปรับปรุงในแหล่งแห่งความมั่วสุมของสังคม
๓. จะต้องพยายามจับให้ทุกคนทำสมาธิจิต ให้พิจารณาตน
ผู้บริหารควรทำสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญา เมื่อปัญญาท่านเกิด ท่านย่อมสามารถที่จะบริหารประเทศในสิ่งแวดล้อมให้พ้นภัยได้ ด้วยสติปัญญาแห่งธรรมะ ทุกวันนี้เราไม่ยึดหลักของธรรมานุภาพเป็นสรณะ ไม่ยึดหลักปรัชญาของพุทธพจน์ขององค์สมณโคดมที่ให้ยึดหลักแห่งการครองตนชอบ
อย่างเด็กทุกวันนี้ ก็ชอบเอาตัวเองไปเปรียบกับผู้ใหญ่อยู่เรื่อย ผู้ใหญ่ทุกวันนี้ก็ไม่พิจารณาตน แก่แล้วยังไม่ยอมรับรู้สังขารตัวเอง ว่าตัวเรานี้แก่แล้วควรจะเข้าวัดเข้าวา ปรับปรุงศีลธรรม ให้เด็กที่เริ่มเป็นผู้ใหญ่ได้เห็นเป็นแบบอย่างที่ดี
เพราะฉะนั้น สังคมจะต้องปรับปรุงกันเป็นลูกโซ่ จะต้องปรับปรุงที่ต้นเหตุ สมุฏฐาน จึงจะบรรลุผล แต่ทุกวันนี้แก้กันที่ปลายเหตุ ถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุแล้ว มันจะถึงภาวะแห่งความดีได้อย่างไรเล่า และในสังคมสยามขณะนี้ อยู่ในภาวะแห่งความวิบาก เพราะฉะนั้น มันต้องช่วยกันหลายๆ ฝ่ายที่ต้องทำงานอย่างไม่เห็นแก่ความสุขส่วนตน จึงจะปรับปรุงอาณาจักรสยามนี้อยู่รอดได้
พระสยามเทวาธิราช
สมเด็จ : ผืนแผ่นดินสยามนี้ ในการต่อสู้เพื่อเอกราช อธิปไตย วีรกษัตริย์ไทยต้องต่อสู้ด้วยเลือดเนื้อทุกๆ พระองค์
ท่านศึกษาประวัติศาสตร์จะรู้ว่า บุรุษที่เป็นมหาราชที่ควรยกย่องก็คือ พระเจ้าตากสิน พระเจ้าตากสินสู้ด้วยพละกำลังแห่งการเป็นคนสามัญธรรมดา สู้ด้วยดาบ ยืนหยัดไม่ถอยต่อศัตรู เพื่อกู้เอกราชแห่งความเป็นไทจากเหล่าอริราชศัตรู เมื่อคราวกรุงศรีอยุธยาถูกเผาในกรุงยุคนั้น
จนมาถึงยุคพระยาจักรี ต้นจักรีวงศ์ มาถึงรัชกาลที่ ๓ รัชกาลที่ ๔ อยู่ในยุคที่ฝรั่งเศส อังกฤษ กำลังแผ่อาณาจักรที่จะยึดอาณานิคมทางพื้นภาคแหลมสุวรรณภูมิ แล้วประเทศสยามทำไมจึงอยู่รอด รอดเพราะความดีและเชื่อในพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ และเทพารักษ์
สิ่งเหล่านี้ ท่านรู้รึเปล่าว่า พระสยามเทวาธิราชสร้างขึ้นมาได้ เพราะใครเป็นคนออกหัวคิด ก็คือขรัวโต เป็นผู้บอกรัชกาลที่ ๔ ว่า ในขณะนี้ แผ่นดินสยามเรารอดพ้นจากการล่าเมืองขึ้นของฝรั่งเศสของอังกฤษได้นั้น ก็เพราะมีเทวดาองค์หนึ่งเฝ้าพิทักษ์อาณาจักรของเรา คือ “พระสยามเทวาธิราช”
เพราะฉะนั้น เราควรรู้ถึงเทวกตัญญู สร้างรูปเคารพขึ้นมา จึงได้มีบัญชาเจ้าพระยาคนหนึ่งทำการปั้นพระสยามเทวาธิราชขึ้น ให้สักการะถึงปัจจุบันนี้
สังคมปัจจุบันต้องผ่าตัดขนาดหนัก
อาจารย์ลัดดา ประเสริฐกุล : หลวงพ่อพูดถึงพระสยามเทวาธิราช อันที่จริงลูกมีความประทับใจต่อพระนามนี้นานแล้วเจ้าค่ะ อยากกราบทูลถามหลวงพ่อสมเด็จว่า วิธีที่อาณาประชาชนที่อยากจะถวายความเคารพสักการะท่านด้วยความกตัญญูนี่ เราควรจะทำอย่างไรเจ้าคะ เพราะท่านสถิตอยู่ในวัง
สมเด็จ : ก็บูชากลางแจ้งซิ ทีนี้ พระสยามเทวาธิราชบอกไม่ไหวแล้ว สังคมเวลานี้ มันเป็นสิ่งที่เรียกว่า สังคมสยามขณะนี้ มันต้องผ่าตัดขนาดหนัก ต้องรื้อไส้รื้อพุงออกมา ล้างแล้วค่อยยัดเข้าไปใหม่
อาจารย์ลัดดา : ท่านจะใช้อิทธิฤทธิ์ของท่านช่วยปราบพาลชนบ้างไม่ได้หรือเจ้าคะ
สมเด็จ : ก็อาถรรพณ์มันยังแก้ไม่ได้นี่ มันอยู่ในภาวะที่ลำบาก แต่อาตมาจะดูอีกสักระยะหนึ่ง กรรมวิบากของใครจะช่วยกันได้ มันเรื่องกรรม ขรัวโตนี่ทำอะไร เรื่องคำว่าไม่สำเร็จไม่มี แต่ในขณะนี้กำลังประชุมเรื่องที่จะดุลกรรมของสยาม ซึ่งมันเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องดุลกรรมนี้เป็นเรื่องที่ลำบาก มันต้องฝ่ายที่ต้องอาถรรพณ์ต้องร่วมด้วย มันจึงจะไปรอด
งานของสำนักปู่สวรรค์
สมเด็จ : เพราะอาณาจักรสำนักปู่สวรรค์ ตามมติที่ประชุมของโลกวิญญาณ จะปลอดภัย และจะสลายจากโลกต่อเมื่อถึง ๕,๐๐๐ ปี ถึงเวลานั้นโลกจะสลายกลายเป็นน้ำ อาณาจักรสำนักปู่สวรรค์ผืนแผ่นดินนี้ มีโองการของสำนักปู่สวรรค์ประกาศจะสลายเป็นแหล่งสุดท้าย เปรียบเสมือนหนึ่งเขาเรียกว่า เป็นหัวกะโหลกของโลก
งานของสำนักปู่สวรรค์ไม่ใช่เป็นงานในปัจจุบัน งานของเราเป็นงานอนาคต เมื่อพุทธศาสนาล่วงไปแล้ว ๓๐๐๐ ปี เมื่อนั้นเขาจะเริ่มศึกษาเรื่องของสำนักปู่สวรรค์กัน เพราะฉะนั้น ให้ท่านทำหลักฐานร่องรอยทิ้งเอาไว้กระจายไปทั่ว ให้อนุชนรุ่นหลังเขาศึกษางาน นี่เป็นสิ่งที่อาตมาต้องการ ให้มนุษย์ที่ร่วมมือกันทำงานให้ร่วมกันคิด แล้วในขณะนี้ ท่านถือว่าเป็นกลียุค ก็ยังไม่หนักเท่า เมื่อพุทธศาสนาล่วงไป ๓๐๐๐ ปี ขณะนั้นสงครามศาสนาจะเกิดขึ้น แต่ถึงตอนนั้นจะมีคนดีมาเกิด
ทีนี้ ถ้าท่านศึกษาพุทธทำนายจะมีว่า เมื่อพุทธกาลล่วงไปแล้ว ๒๕๑๔-๒๕๑๖ ปี จะมีพระเถระโพธิสัตว์มาปรับปรุงช่วยศาสนา ซึ่งในพุทธทำนายนั้นจะมีพระโพธิสัตว์มาโปรดสัตว์ แต่ภาวะพระโพธิสัตว์นั้นมาในรูปกายเนื้อไม่ทัน จึงมาในรูปวิญญาณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำงานยากอยู่ในขณะนี้
|