ตอนที่ ๕ วิญญาณเข้าสิงร่างมนุษย์
(วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๔)
ศ.ดร.คลุ้ม วัชโรบล : หลวงพ่อครับ เมื่อเร็วๆ นี้ มีหนังสือพิมพ์ลงเรื่องเกี่ยวกับผีผู้หญิงจีนที่หัวขาด ที่ศรีราชา แล้วก็ได้ความว่า ตายมา ๑๕ ปีแล้ว แต่ก่อนนี้ ทำไมจึงไม่แสดงปาฏิหาริย์ เพิ่งมาแสดงปาฏิหาริย์เร็วๆ นี้ เป็นเพราะอะไรครับ
สมเด็จ : ที่ไหน
ศ.ดร.คลุ้ม : ที่ศรีราชาครับ คือผู้หญิงคนหนึ่ง ประวัติที่เขานำมาเล่าให้ฟัง ตอนที่ผีเข้าสิงว่า ผู้หญิงคนนี้ไปเยี่ยมสามี มีคนบอกว่า ผู้หญิงจีนอายุ ๓๐ ปี ถูกรถสิบล้อทับ ขาขาด คอขาด หัวกระเด็นไปติดต่ออยู่บนต้นไม้
แล้วผู้หญิงคนนี้ เขากำลังเดินไปเยี่ยมสามีที่โรงพยาบาล ขณะเดินผ่านต้นไม้ เห็นผู้หญิงอยู่บนต้นไม้ยิ้มให้ด้วย ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้หญิงคนนั้น พอเดินไปถึงโรงพยาบาล ก็มีอาการผิดแปลกไปจากคนธรรมดา
หมอตรวจอาการแล้วบอกว่า ต้องตายแน่ หัวใจเต้นช้าเหลือเกิน หมออีกคนตรวจพบว่า หัวใจเป็นปกติ แล้วเขาไม่ลืมตาเลย หมอถามว่า ลืมตาไม่ได้หรือ คนไข้บอกว่า ไม่ได้หรอก ขืนลืมตา เดี๋ยวหมอจะตกใจ มีหมอคนหนึ่งขืนไปเปิดตาคนไข้ดู แล้วก็ตกใจไม่สบายไปหลายวัน อันนี้เพราะอะไรครับ แล้วผีได้บอกว่า ตอนที่ยิ้มให้แล้ว ได้เข้าไปอยู่ในกระเป๋าผู้หญิงคนนั้น จริงหรือเปล่าครับ
สมเด็จ : เรื่องมันเป็นว่า เป็นการพัวพันในอดีตชาติของมนุษย์คนนี้กับผีเปรตตนนั้น คือหมายความว่า เขาตายในขณะจิตที่อยู่ในภาวะที่มีห่วง และตายอย่างไม่ถึงอายุขัย ภาวะแห่งการตายไม่ถึงอายุขัยนี้แหล่ จึงทำให้เขามีพะวงสิ่งหนึ่งที่จะคอยพบกับผู้ที่มีกรรมพัวพัน พูดง่ายๆ ก็คือว่า ผู้หญิงคนที่ถูกเขาสิงนี้ ในอดีตชาติเคยเป็นลูกเขามาก่อน ภาวะแห่งการที่ในอดีตชาติเคยเป็นลูกเขามานี้แหล่
อันนี้จะต้องอธิบายถึงความเป็นอยู่ของวิญญาณ ความเป็นอยู่ของวิญญาณนั้น ถ้าวิญญาณนั้นตายโดยไม่ถึงอายุขัย แล้วเป็นวิญญาณปุตุ ปุตุ ในที่นี้หมายถึง วิญญาณที่ไม่ได้บำเพ็ญในด้านนามธรรม ในด้านอำนาจฌานญาณ ภาวะถ้าตายอย่างไม่ถึงอายุขัยแล้ว เขาจะถือว่าเป็นวิญญาณอิสระ พลังแห่งการเป็นวิญญาณอิสระนั่นแหล่ จะมีพลังแห่งการหยั่งรู้ของตนขึ้นมา ก็พยายามนั่งนึก แต่แยกแยะคำว่า อดีต ปัจจุบัน อนาคตไม่ได้
ก็คือหมายความว่า นั่งแยกแยะเหตุการณ์ว่า คนนั้นเคยเป็นลูกเรานี่ คนนี้เคยเป็นพี่เรานี่ เคยเป็นอะไร คือสามัญสำนึกแห่งธรรมชาติของจิตวิญญาณโผล่ขึ้นมา พลังอันนี้เมื่อคิด เมื่อมีความยึด ก็อยู่คอยวาระที่จะว่า พบลูกของตนคนหนึ่งที่จะต้องผ่านมาทางนี้ และภาวะนั้นก็คือว่า ผู้หญิงผู้นั้นกำลังอยู่ในชะตาไม่ดี เขาก็ได้เข้าในผู้หญิงนั้น
สภาวะที่วิญญาณเข้าสิง
สมเด็จ : สภาวะแห่งการเข้าในผู้หญิงนั้น ที่เขาบอกว่า เข้าไปในกระเป๋านั้น เป็นการพูดโวหารตลกของผีหัวขาดนั้น
การที่วิญญาณจะตามมานั้น ว่าตามหลักก็คือว่า มนุษย์นี้เกิดขึ้นมาได้ด้วยธาตุแห่ง ดิน น้ำ ลม ไฟ ภาวะแห่งธาตุดินน้ำลมไฟแล้วไซร้ วิญญาณสิงสถิตพร้อมด้วยการกระจายอยู่ในวิญญาณธาตุ พลังแห่งการกระจายอยู่ในวิญญาณธาตุ ก็คือว่า กายทิพย์ของท่านนี่ จะอยู่ตรงนี้ (หลวงพ่อสมเด็จชี้ตรงบริเวณท้ายทอย)
จิตวิญญาณท่าน ถ้ารวมได้ จะอยู่ตรงนี้ (ชี้ตรงหน้าผากระหว่างหัวคิ้วทั้งสอง) คือ พลังแห่งการใช้งาน เพราะฉะนั้น คนโบราณเขาจะถือว่า กลางค่ำกลางคืนจะเดินไปไหน ห้ามผูกอะไรบนหน้าผาก ผีมันจะไม่เห็นแสงคน มันจะเข้ามาชนกับคน
เพราะฉะนั้น วิญญาณนี้จะมาในลักษณะนั่งท้ายทอยมา คือ พลังของกายทิพย์กับกายทิพย์จะสัมผัสกันที่ท้ายทอย ก็ตามมาตามมา ก็ค่อยๆ แทรกซึมเบียดกายทิพย์ของวิญญาณหญิงคนนี้ จนสามารถแผ่เข้าไปในวิญญาณธาตุ พลังอันนี้เขาเรียกว่า อำนาจจิตของวิญญาณย่อมมี คือ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า พวกโอปปาติกะ หรือพวกคนปุถุชน เมื่อตายไปก็เป็นวิญญาณปุตุ ก็มีพลังจิตที่จะมาบีบรัดกายทิพย์ของมนุษย์ที่เป็นๆ ที่ไม่มีสมาธิได้
วิญญาณใช้พลังบังคับกายเนื้อ
สมเด็จ : เมื่อพลังอันนั้นแผ่ซ่านเข้าในกายได้เรียบร้อยแล้วไซร้ ย่อมสามารถใช้อำนาจนี้บังคับประสาทในกายเนื้อ ทำให้หัวใจเต้นช้าก็ได้ ทำให้หัวใจเต้นเร็วก็ได้ อันนี้อยู่ที่พลังแห่งการบีบรัดของการแทรกซึมของการเข้าไปในกายเนื้อนี้แล้ว เรียกว่า วงการแพทย์หรือพวกนักวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะพวกอาจารย์ชีวะ เขาก็งง
อย่างขณะนี้ อาตมาใช้ร่างมนุษย์คนนี้อยู่ ท่านจะเอาอะไรมาลองวัดหัวใจ รับรองให้หมอสักร้อยคนชั้นดอกเตอร์ดีกรีพ่วงท้ายมากๆ ด้วย จะจับว่าคนนี้ จะมีโรคก็ไม่ใช่ จะว่าไม่มีโรคก็ไม่เชิง คืออาตมาสามารถจะให้หัวใจเขาเต้นนาทีละ ๓๐๐ ครั้งก็ได้ อยู่ๆ ลองวัดอีกที หัวใจไม่เต้นเลยก็ได้ อันนี้หมายถึงว่า ใช้พลังบีบรัด สามารถแทรกเข้าไปในกายเนื้อของมนุษย์ แล้วพลังอันนี้จะแผ่ไปทั่วร่างมนุษย์นี้อย่างฉับพลันเร็วยิ่งกว่าอะไร พูดให้เข้าใจง่ายที่สุด ก็คือว่า เร็วยิ่งกว่าน้ำกับน้ำเจอกันกลืนทันที
การถอยของวิญญาณ
สมเด็จ : ทีนี้ เวลาจะออกนี้ก็รวมตัว คือถอยของพลังธาตุ ท่านอย่าลืม วิญญาณที่ถูกจับทรงก็ดี วิญญาณที่ถูกผีอำก็ดี วิญญาณเจ้าของร่าง เขาจะไม่อยู่ห่างจากกายเนื้อ วิญญาณของเขาจะพยายามเบียดเข้ามา มีช่องว่างก็จะพยายามเบียดเข้ามาในกายเนื้อ เปรียบเสมือนหนึ่งผู้ที่คิดทำลายประเทศ คอยแทรกซึม ถ้าไม่มีช่องว่าง เขาจะไม่แทรกเข้าไป ถ้ามีรูที่ไหนเขาเข้าแทรกที่นั่น
สมมติเวลาถอย วิญญาณทิพย์ถอยจากปลายเท้าขึ้นมาจุดนี้ (จุดกลางตัว) วิญญาณของคนๆ นั้น ก็จะมาถึงตรงนี้ทันที (จุดกลางตัว) เพราะฉะนั้น ท่านจะเห็นว่า อาตมาตอนกลับจะนอน วิญญาณทิพย์เคลื่อนจากเท้าจะมาตรงนี้ วิญญาณของร่างทรง เขาจะซึมเข้ามาทางเท้าทันที คือวิญญาณของคนที่ยังไม่ตายหรือไม่ถึงอายุขัย ยังมีสังขาร จะหวงร่างมาก ถ้าพูดแบบภาษาชาวบ้านก็คือว่า แมวห่วงบ้านมากกว่าห่วงคน หมาห่วงเจ้าของมากกว่าห่วงบ้าน ฉันใดก็ฉันนั้น
สาเหตุที่วิญญาณเข้าสิงร่างมนุษย์
สมเด็จ : ถ้าคนนั้น ยังไม่มีการแตกสลายของขันธ์กายเนื้อ และตายอย่างไม่ถึงอายุขัย หรือว่าวิญญาณของบุคคลที่ถูกผีสิงก็ดี ถูกเทวดาเข้าก็ดี วิญญาณเขาจะพยายามทุกวิถีทางที่เข้าร่างกายเนื้อ นี่คือความละเอียดของวิญญาณ จึงขอสรุปว่า ที่เขาเข้าผู้หญิงคนนี้ เพราะ
๑. ผู้หญิงคนนี้กำลังดวงมืด
๒. ในอดีตชาติเคยเป็นลูกของผีคนนี้ คือมีความพัวพันกันมาในอดีตชาติ จึงมาเข้าร่างได้
๓. ผีตนนี้จะถึงวาระเกิด จะมาขอส่วนบุญ
นี่คือวินิจฉัยให้ละเอียดไปเลย ทีนี้คนไม่เข้าใจ เขาจะบอกว่า สมเด็จโตนี่เลอะ ถามคำเดียวว่า เมืองจีนอยู่ที่ไหน ไปคุยเรื่องอเมริกาก่อน คือคนเราไม่เข้าใจ เราพยายามจะอธิบายธรรมะให้คนเข้าใจ มันก็ทิฐิว่า ข้านี้เก่ง เจ้าถามมาคำ ข้าตอบไปคำ ข้าคืออาจารย์
อาจารย์ที่จะเป็นอาจารย์ที่ดีนั้น เขาจะต้องแยกแยะชี้แจงให้ลูกศิษย์หายสงสัย โดยไม่ต้องตั้งคำถามบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาจารย์อย่างสมเด็จโตนี้ ไม่หากินกับมนุษย์ ไม่เหมือนพวกนักแต่งตำรา ต้องขยักไว้ก่อน หรือไม่เหมือนนักแต่งนิยาย อ่านต่อฉบับหน้า เพื่อเอาสตางค์ เพราะฉะนั้น สิ่งเหล่านี้อธิบายให้กระจ่างเลยว่า ที่หมอวัดแล้ววินิจฉัยว่า จะตายหรืออะไรนั่นน่ะ เป็นเพราะอะไร
พลังจิตออกทางตา
สมเด็จ : ทีนี้ ในเรื่องของประสาทตา ก็คือหมายความว่า เมื่อวิญญาณของผีผู้หญิงเข้ามาจุดนี้ (เข้าสิง) ได้แล้ว ก็ใช้พลังทิพย์อันนี้กระจายกายทิพย์ไปในวิญญาณธาตุทั่วกายเนื้อ จึงสามารถทำให้ประสาทตาคนนี้แข็งได้ ท่านจะดูว่า เวลาพระพรหมชินนะท่านมา นัยน์ตาแข็งเหมือนตาเหยี่ยวจริงๆ อันนี้อยู่ที่การแผ่พลังของวิญญาณที่เข้านั้น มีพลังขนาดไหน พอจะเข้าใจไหม
ศ.ดร.คลุ้ม วัชโรบล : เข้าใจครับ แล้วเหตุผลที่คนที่ถูกผีสิงนี้ เขาหลับตาทำไม เมื่อหมอเขาบอกให้ลืมตา เขาจึงบอกว่า ลืมตาไม่ได้ เดี๋ยวจะกลัว แล้วก็มีหมออีกคนหนึ่งที่ว่า อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ก็ไปเปิดตาเขาโดยพลการ หมอก็เลยตกใจ ตกใจแล้วไม่สบายไปตั้งสามวัน นี่เป็นเพราะอะไรครับ
สมเด็จ : อันนี้ที่เขาไม่ลืมตา เพราะว่าผีเปรตหรือพวกอสุรกายที่เข้านั้นน่ะ ถ้าเขาลืมตา ตาเขาจะแข็งทื่อ แข็งทื่ออย่างน่ากลัวมาก ก็เรียกว่า เป็นผีที่มีคุณธรรมนิดหน่อย คือกลัวคนอื่นจะตกใจ ก็บอกว่า เจ้านี้อย่าบังคับข้าลืมตาเลย
ทีนี้ หมอคนนั้นก็อยากลองดี ด้วยความไม่เชื่อ จะดูตาเขา ขณะที่ไปเปิดตาเขานี่ ถูกพลังจิตของผีหัวขาดพุ่งออกมาทางสายตา พลังอันนี้ก็เรียกว่า เข้าทำลายในกระแสจิตวิญญาณของหมอผู้นั้น จึงเป็นเหตุให้เกิดปฏิกิริยาในกายเนื้อขึ้น ก็คือถูกอำนาจจิตสะกด หรือถูกอำนาจจิตทำลาย ท่านจะดูพวกที่สักของก็ดี พวกที่สักน้ำมันอะไรก็ดี พอพระพรหมชินนะเดินผ่านไป มันจะขึ้นมาเต้น มีปฏิกิริยาทันที
นี่เพราะพลังอำนาจจิตที่เหนือกว่า ใช้พลังอันนี้ทำลายกระแสขณะที่เขาเปิดตา เรียกว่า เมื่อเปิดตาเขาขึ้นมา เขาจ้องอย่างตาถลนใหญ่ขึ้นมา ด้วยอำนาจจิตของเขา หมอจึงตกใจในขณะนั้น
วิชาไสยศาสตร์กับนักพลังจิต
สมเด็จ : คือวิญญาณนั้น เขาใช้พลังที่เรียกว่า “สายดำ”
ว่าตามหลักของโยคี เขามีทั้งพวกสายขาวและสายดำ เรียนวิชาสายดำ ก็เรียกว่าใช้ทำลาย วิชานี้ถ้าภาษาชาวบ้าน เราก็เรียกว่า ไสยศาสตร์ คือใช้พลังจิตบีบรัดวิญญาณฝ่ายตรงข้าม
เหมือนกับพวกโยคีภูเขาหิมาลัยที่ฝึกถึงขั้นสูงสุดของเขาจริงๆ นั้น หากเขาไม่กลัวบาป เขากล้าพนันว่า คนนั้นที่เจ้าเห็นอยู่นี่ ฉันสามารถทำให้ตายได้ในเวลาหนึ่งชั่วโมง ถ้าข้าทำให้เขาตายได้ เจ้าจะให้ข้าเท่าไหร่ ถ้าคนกล้าพนัน
ขอเพียงแต่ให้เขาสามารถจ้องตาคนนั้นเพียงครั้งเดียว พวกที่มีพลังจิตสูง เขาสามารถใช้อำนาจจิตตัดกายทิพย์ของผู้นั้นออกมาได้ เพราะมันเป็นเรื่องของความลี้ลับ มันเป็นความมหัศจรรย์ของจิต ความลี้ลับของวิญญาณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ละเอียดมาก
เพราะฉะนั้น ในการที่หมอป่วย ก็เพราะถูกพลังกายทิพย์ของวิญญาณผีที่ไปเปิดตาเขาโดยพลการ กลั่นแกล้งเอา คือเรียกว่า อวดดี พยายามอยากจะดูตาฉัน นึกว่าตาฉันน่าพิศวาสมากนักหรือ
วิญญาณกับศูนย์รวมกรรม
ศ.ดร.คลุ้ม วัชโรบล : สำหรับรายนี้ก็หมายความว่า ถ้าผีผู้หญิงนี้ ได้รับส่วนกุศลที่ผู้หญิงที่ถูกสิงแผ่กุศลไปให้เขาแล้ว ถึงเวลาเขาก็จะไปเกิด เมื่อถึงเวลานั้น วิญญาณนี้ก็จะออกไปเอง โดยไม่ต้องทำพิธีไล่ ใช่ไหมครับ
สมเด็จ : ไม่ต้อง เขาจะออกไปเอง แล้วเขาจะเดินทางไปศูนย์รวมกรรมเอง ถ้าเขาไม่ได้ทำผิดมาก ถ้าวิญญาณที่ทำผิดมาก เขาจะพยายามหนี เมื่อยมบาลเปิดบัญชีขึ้นมา เขาก็จะส่งยมทูต เทวทูต หรือพรหมทูต มาตามหา ว่าเวลานี้ วิญญาณนี้อยู่ที่ไหน รีบจัดการไปเอามา
ทีนี้ วิญญาณที่ตายยังไม่ถึงอายุขัยนี้ เขาก็จะรู้อยู่ในสภาพวิญญาณแล้ว เขาจะรู้ในขณะนั้นว่า บัดนี้ถึงอายุขัยแล้ว ต้องไปเสวยกรรม เขาก็อาจจะไปศูนย์รวมกรรมเอง นี่คือเรื่องง่ายๆ
ถ้าวิญญาณนั้นดี ไม่ใช่เป็นวิญญาณเกเร ก็ไม่ต้องไปขับไล่หรอก เราทำกุศลให้ เมื่อถึงเวลา ผีนั้นก็จะไปเสวยกรรมวิบากที่เขาสร้างมา
ศ.ดร.คลุ้ม วัชโรบล : อย่างนี้เป็นวิญญาณอิสระ ตามที่หลวงพ่อเคยเทศน์ให้ฟังใช่ไหมครับ ผมเข้าใจแล้วครับ
|